ผลการชันสูตรซากพะยูนระยะใกล้คลอดคาดว่ามาจากการโดนกระแทกอย่างแรง ด้านเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ร่วมอุทยานฯเจ้าไหม เตรียมจะเรียกประชุมด่วนเจ้าหน้าที่ ชาวบ้าน ผู้นำท้องถิ่น และเจ้าของผู้ประกอบการเรือ เพื่อหาทางป้องกันเหตุดังกล่าวต่อไป โดยอาจขอความร่วมมือไม่ให้เรือสปีดโบ๊ทแล่น ผ่านในบริเวณแหล่งหญ้าทะเล ซึ่งเป็นแหล่งหากินของพะยูน รวมทั้งการกำหนดเขตอนุรักษ์แหล่งหญ้าทะเลเพิ่มขึ้นต่อไป
จากกรณีที่ชาวประมงพื้นบ้านพบซากพะยูน เพศเมีย เกยตื้นตายในสภาพซากเริ่มเน่าลอยอยู่ในทะเลตรังระหว่างเกาะลิบง กับท่าเทียบเรือหาดยาว หมู่ 6 ต.เกาะลิบง เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายซากส่งไปผ่าพิสูจน์เพื่อหาสาเหตุการตายที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน (ศวทม.) ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน (ศวทม.) ได้รายงานว่าระหว่างทางที่เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายซากพบว่า พะยูนตัวดังกล่าวมีลูกทะลักออกมาทางช่องคลอดในระหว่างขนย้าย ส่วนผลการชันสูตรซากพะยูนพบว่า ซากพะยูนเพศเมียตัวดังกล่าว มีสภาพสมบูรณ์ ความยาว 262 ซม.น้ำหนัก 250 กก.สภาพซากเริ่มเน่า ภายนอกพบรอยแผลที่เกิดจากพฤติกรรมฝูง และรอยแผลถลอกบริเวณหลังด้านขวาในช่วงบริเวณอก ผลการตรวจสอบอวัยวะภายในพบว่า ชั้นกล้ามเนื้อบริเวณส่วนของผิวหนังที่พบรอยถลอก พบรอยช้ำเลือดและพบส่วนของแนวกระดูกสันหลัง บริเวณกระดูกอกเคลื่อน และพบการหักของซี่โครงด้านขวาซี่ที่ 2-5 ซึ่งเกิดจากการกระแทกอย่างแรงจากบริเวณด้านหลัง ส่วนของปอดพบรอยช้ำเลือดและมีเลือดคั่งที่แขนงปอดด้านขวา และส่วนของม้ามมีลักษณะการหดตัวบ่งชี้ถึงภาวการณ์เสียเลือด ส่วนอวัยวะอื่นไม่พบรอยโรค ส่วนของระบบสืบพันธุ์พบลักษณะของช่องคลอดที่มีการขยาย ซึ่งคาดว่าพะยูนอยู่ในระยะใกล้คลอด ส่วนของลูกพะยูนเป็นเพศเมีย มีขนาดความยาว 86 ซม.น้ำหนัก 9.5 กก. มีลักษณะสมบูรณ์ไม่พบความผิดปกติ และขนาดใกล้เคียงกับลูกพะยูนแรกเกิด ข้อสันนิษฐานสาเหตุการตายของพะยูนคาดว่ามาจากการโดนกระแทกอย่างแรง (เชื่อว่าถูกเรือสปีดโบ๊ทชน ขณะหากินอยู่ในบริเวณแหล่งหญ้าทะเล) จนทำให้ส่วนของกระดูกสันหลังเคลื่อน และซี่โครงหัก ส่งผลให้ปอดให้รับบาดเจ็บ จนทำให้แม่พะยูนและลูกในท้องเสียชีวิตแบบฉับพลัน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด นายชัยพฤกษ์ วีระวงษ์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง และนายณรงค์ หนูเอียด หัวหน้าหัวอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เตรียมจะเรียกประชุมด่วนเจ้าหน้าที่ ชาวบ้าน ผู้นำท้องถิ่น และเจ้าของผู้ประกอบการเรือ เพื่อหาทางป้องกันเหตุดังกล่าวต่อไป โดยอาจขอความร่วมมือไม่ให้เรือสปีดโบ๊ทแล่น ผ่านในบริเวณแหล่งหญ้าทะเล ซึ่งเป็นแหล่งหากินของพะยูน รวมทั้งการกำหนดเขตอนุรักษ์แหล่งหญ้าทะเลเพิ่มขึ้นต่อไป
มนต์เจริญ ศรีมงคล/จ.ตรัง