พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่มีการปล่อยข่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายจะให้โรงไฟฟ้ากระบี่ใช้น้ำมันปาล์ม เพื่อช่วยแก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ พร้อมกับปลุกกระแสให้ชาวกระบี่และพี่น้องชาวสวนปาล์มติดตามทวงถามจากรัฐบาล และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ว่า
“ความจริงแล้ว รัฐบาลมีมติไม่ให้นำน้ำมันปาล์มดิบไปเผาที่โรงไฟฟ้ากระบี่ เพราะเป็นมาตรการที่ช่วยเกษตรกรได้เพียงเล็กน้อย แต่ส่งผลเสียหายให้ประชาชนทุกคนต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงขึ้นถึงมากกว่า 10 เท่า
ในทางตรงข้าม รัฐบาลมีมาตรการที่จะช่วยลดปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบอย่างมีประสิทธิภาพกว่า ด้วยการเร่งรัดให้โรงงานผลิตไบโอดีเซลเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบ โดยให้ผลิตมากขึ้นกว่าปกติถึง 50% เพื่อเก็บสำรอง ซึ่งจะช่วยดูดซับสต็อกน้ำมันปาล์มดิบที่ล้นถังให้ลดลงได้มากถึง 50,000 ตันต่อเดือน และยังมีแผนจะใช้น้ำมันปาล์มดิบเพิ่มจากปกติอีกถึง 100,000 ตัน ภายใน 2 เดือน”
ทั้งนี้ หลังจากได้เริ่มดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 19 บาท ต่อก.ก. เป็น 19.25 ในขณะที่ราคาที่มาเลเซียอ่อนตัวลง