นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ชี้ขบวนการจตบพระสงฆ์ ระบาดหนัก ต้องระดมกำลังป้องกัน

นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ออกโรงยืนยันแก๊งค์ตบทรัพย์พระหลอกให้โชว์ปลายชะโด หัวฉีดดับเพลิงมีจริงและมีมากขึ้น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่ง พระสังฆาธิการ ต้องมีการทำประชาสัมพันธ์เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ แต่พระภิกษุจำเป็นต้องมีการปฎิบัติตนให้อยู่ในกรอบระเบียบและเป็นที่ศรัทธาของพุทธศาสนิกชนด้วย ย้ำไม่ใช่มีเพียงพระเท่านั้นแต่ข้าราชการระดับสูง คนมีหน้าตาในสังคม ก็ตกเป็นเหยื่ออีกหลายราย ตอนนี้ต้องท่วมด้วยช่วยกันแก้ปัญหาก่อน ส่วนทนายธรรมรัตน์ที่ออกมาพูดถึงหลวงพี่น้ำฝน ควรไปศึกษาหลักการปกครองของพระให้ชัดเจนก่อน ซึ่งท่านได้มีการลงโทษพระที่ปฏิบัติผิดไปแล้วและต้องการเตือนภัยไม่ให้กระบวนการนี้ขับเคลื่อนต่อไปให้เสียหายกว่านี้

วันที่ 10 ธันวาคม 67 นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร หรือทนายพจน์ ทนายความ ในฐานะนายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากรณีพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม  ในฐานะประธานคณะทำงานคณะทำงานดำเดินการแก้ไขข้อขัดข้อง ระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 หรือพระวิทยาธิการ (ตำรวจพระ) ได้ออกมาแจ้งเตือนภัย กรณีมีกระบวนการซักพระโดยหลอกให้วิดีโอคอลและมีการบันทึกคลิปและภาพที่ไม่เหมาะสมทำการข่มขู่และเลือกพระลูกวัดไผ่ล้อม รวมถึงมีพระสงฆ์ที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการดังกล่าวโดยเป็นประเด็นที่สังคมกำลังหันมาให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริงที่ตนเองได้รับการร้องเรียนมาแล้วหลายราย ซึ่งมีทั้งพระสงฆ์ทั่วไปและมีพระสงฆ์ระดับมีชื่อตกเป็นเหยื่อของขบวนการดังกล่าว

ทนายพจน์ กล่าวว่า กล่าวเรื่องดังกล่าวเป็นกรณีที่จะใช้หญิงสาวหน้าตาดีติดต่อเข้ามาทางโซเชียลและมีการตีสนิทก่อนจะแสดงตนหลอกให้หลงรักและจะมีการให้โชว์สัดส่วนของร่างกายของตนเองก่อน จากนั้นจะชักชวนให้เหยื่อเปลือยกายในวิดีโอคอลมีทั้งโชว์ปลายชะโด หรือหัวฉีดดับเพลง ซึ่งจะมีการถ่ายภาพคลิปและภาพนิ่งเอาไว้เป็นหลักฐาน เมื่อเหยื่อหลงกลแล้วก็จะทำการส่งภาพมาทำการข่มขู่หากไม่ส่งตามจำนวนที่ต้องการก็จะกดดันว่าจะนำภาพดังกล่าวไปประจานให้เสียชื่อ ซึ่งเนื้อนี้มีพระสงฆ์อยู่ในสถานการณ์นี้หลายรูปเพราะด้วยความที่ไม่เชี่ยวชาญในการใช้โซเชียลรวมถึงการที่ไม่มีสติจะตั้งอยู่ในพระธรรมวินัยและกฎของพระที่ตั้งไว้ก็จะปรากฏเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดเป็นประเด็นในการขู่ลักทรัพย์ได้

ทนายพจน์กล่าวต่อไปว่า กรณีดังกล่าวว่าเป็นการรีดเอาทรัพย์ทางกฎหมายหรือทางภาษาพูดจะเรียกว่าแบล๊คเมล์ จะมีตั้งแต่ 3 หมื่นถึงหลักล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้เป็นเพียงเฉพาะแค่ในวงการสงฆ์แต่ในชั้นระดับของข้าราชการชั้นสูง คนมีชื่อเสียง และกลุ่มคนที่มีหน้าตาในสังคมก็ถูกขบวนการนี้เข้าไปดำเนินการโดยเอาจุดอ่อนเน้นไปที่ความอับอายขายหน้าในสังคม เรื่องนี้จึงจำเป็นต้องมีการประสานไปยังพระสังฆาธิการเพื่อที่จะมีการประชาสัมพันธ์ให้ป้องกันในคณะสงฆ์สำหรับเรื่องนี้ รวมถึงหน่วยงานโดยเฉพาะสำหรับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจำเป็นจะต้องมีการออกหนังสือหรือการทำประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิดความเข้าใจและไม่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งค์ดังกล่าว แต่ทั้งนี้พระสงฆ์เองจำเป็นจะต้องประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบระเบียบเพื่อไม่ให้เกิดเป็นความเสื่อมเสียในวงการสงฆ์โดยมีมุมมองหลายประเด็นจากประชาชนที่ได้ทราบข่าวจากเรื่องดังกล่าว แต่ก็ขอจะให้เข้าใจว่าพระสงฆ์นั้นก็มีระดับความสามารถความรู้และประสบการณ์ที่ต่างกันจะเหมารวมกันไม่ได้อาจจะต้องแยกแยะหรือทำความเข้าใจว่าพระสงฆ์ไม่ได้เป็นทั้งหมดกับกระบวนการที่ตกเป็นเหยื่อ

“ในมุมมองประเด็นของคณะสงฆ์ก็จะมีความผิดเป็นประเด็นของการอาบัติในเรื่องของสังฆาทิเสส เป็นโลกะวัชชะก็ว่ากันไป แต่ในส่วนกระบวนการของทางกฎหมายอาจจะยังไม่ปรากฏความผิดเนื่องจากเป็นการคุยกันสองคนและรู้เห็นกันเท่านั้นแต่กระบวนการในการรีดทรัพย์ ก็จะเข้าสู่กระบวนการกฎหมาย รวมถึงหากมีการนำไปประจานทางโซเชียลก็จะเข้าข่ายพรบคอมพิวเตอร์ด้วย แต่เรื่องนี้จำเป็นจะต้องมีการทำงานร่วมกันจาก โดยเฉพาะการประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้มีการกวดขันและตรวจสอบติดตามกระบวนการนี้อย่างรวด รวมถึงต่างประเทศธนาคารต่างๆที่ดูแลเงินของลูกค้าก็จะมีการรักษาสิทธิ์และปกป้องสิทธิ์ของลูกค้าซึ่งหากมีการโอนหรือโดนหลอกไปก็จะมีการดูแลรับผิดชอบหรือมีมาตรการต่างๆอย่างชัดเจน แต่ในประเทศไทยยังมีกระบวนการที่ไม่ชัดเจนและยังขาดความเร็วและประสิทธิภาพในการดูแลลูกค้าซึ่งเรื่องนี้อาจจะต้องมีการมาทบทวนบทบาทและทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดมาตรฐานที่ชัดเจนขึ้นด้วย” ทนายพจน์กล่าว

ทนายพจน์ กล่าวปิดท้ายว่า สำหรับเรื่องนี้มีพระสงฆ์จำนวนมากที่มีความวิตกกังวลและยังหาทางออกไม่ได้ ในส่วนของสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ก็มีทีมกฎหมายที่จะคอยให้ความรู้และแนวทางในการปฏิบัติตนอย่างถูกต้องหากท่านใดตกเป็นเหยื่อหรือหากต้องการความรู้ไปเผยแพร่เพื่อเป็นการป้องกันก็สามารถประสานเข้ามาติดต่อให้การช่วยเหลือหรือให้ความรู้ได้เป็นการช่วยกันแก้ปัญหาสังคมอีกทางหนึ่ง แต่ที่สำคัญพระสงฆ์ท่านต้องรู้ทันโลกและไม่ปฏิบัติในหลักการที่จะไม่เป็นการละเมิดข้อปฏิบัติของสงฆ์เพื่อให้เป็นที่มั่นใจและไม่ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธากับพระพุทธศาสนาและพระภิกษุสงฆ์ด้วย ส่วนทนายธรรมราชที่ออกมาโพสต์ข้อความถึงหลวงพี่น้ำฝน มองว่า ทนายธรรมราชต้องไปดูประเด็นว่าท่านต้องการเตือนภัย มีบทลงโทษพระที่ทำผิดแล้ว และทนายธรรมราชต้องไปศึกษาหลักการของพระที่ดีกว่านี้ด้วย