นายกสมคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แจ้งคณะสงฆ์ทั่วประเทศจับพระปีนเสาสละสมณะเพส หากพ้นกำหนด 3 วันขัดขืนมีโทษจำคุก 1 ปี หลังถูกขับพ้นวัดวังกวาง เป็นวัดที่ 6 ชี้เจ้าตัวไปตั้งลัทธิใหม่เหมาะกว่า ส่วนธรรมราช กฏมหาเถรฯ ไม่ได้กำหนดห้วงเวลาหาสังกัดขาดจากวัดให้สึกได้เลย ย้ำประชาชนอย่าทำร้ายพระปีนเสาใช้หลักการว่ากันด้วยเหตุผล
วันที่ 26 พ.ย.67 ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร “ทนายพจน์” นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ได้เดินทางเข้าเพื่อยื่นหนังสือขอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแจ้งขอให้พระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่งปกครองวัดหรือพระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่งปกครองคณะสงฆ์ในเขตท้องที่วินิจฉัยให้พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เมตฺตธมฺโม (เสาวภาคย์โชติรส) หรือพระปีนเสา สละสมณเพศต่อผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ทนายพจน์ กล่าวว่า สำหรับการเดินทางเข้ามายื่นหนังสือในวันนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 ได้มีหนังสือ จากพระครูโชติพรหมวรคุณ เจ้าอาวาสวัดวังกวาง ตำบลท่าช้าง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เรื่อง ให้พระครูปลัดธีระฯ หรือพระปีนเสา พ้นจากสังกัดวัดวังกวาง หลังจากมีการเข้าไปขอเข้าอยู่ในสังกัด ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2567และทางเจ้าอาวาสวัดวังกวาง ได้แจ้งให้เข้าไปรายงานตัวภายใน 3 วัน และขอความร่วมมือห้ามออกสื่อหรือเคลื่อนไหวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาสและประพฤติปฏิบัติตนอันไม่เหมาะสม แต่ปรากฏว่าพระปีนเสาไม่เคยเข้ามารายงานตัวแม้แต่ครั้งเดียวจนกระทั่งถึงเมื่อวานนี้ และท่านยังได้กระทำโดยไม่ฟังคำสั่งของเจ้าอาวาสที่ระบุเอาไว้จึงอาศัยความตามมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติคณะ พุทธศักราช 2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 “(2) สั่งให้บรรพชิต และคฤหัสน์ ซึ่งไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาสออกไปเสียจากวัด หมายความว่าพระปีนเสา ไม่มีสังกัดอยู่แล้วนับตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ทนายพจน์ กล่าวว่า สำหรับเนื้อหาในการยื่นหนังสือในวันนี้โดยหลักมีข้อเรียกร้องอยู่ 8 ข้อ ซึ่งได้มีการรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระปีนเสามาตั้งแต่ ปีพ.ศ. 2561 จนถึงปัจจุบันเช่นการปีนเสาทั้งสองครั้ง การขับรถไปบิณฑบาตโดยมีสีกาไปด้วย การก่อตั้งสำนักปฎิบัติธรรมพุทธชยันตรี 2600 ปี ในเขตอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐมอย่างไม่ถูกต้อง ทั้งยังมีการเคยถูกดำเนินคดีทางอาญาสองคดี การใช้สื่อโซเชียลโดยไม่เหมาะสมโดยการด่าทอกับพุทธศาสนิกชน การจาบจ้วง ก้าวร้าวต่อศาสนาอื่นเป็นประจำ และมีพฤติกรรมไม่เชื่อฟังคำสั่งของเจ้าอาวาสหลายแห่ง กระทั่งถูกขับออกจากวัดมาแล้วถึง 5 วัด
ทนายพจน์ กล่าวต่อไปว่า เป็นที่ทราบกันว่าพระปีนเสา ได้ถูกขับออกมาแล้ว 5 วัดและเมมื่อวานนี้ ทางวัดเขากวางได้มีการขับพระปีนเสาออกจากวัดอีกครั้ง นับเป็นวัดที่ 6 ซึ่งหากไม่อยากให้เกิดปัญหาก็จำเป็นที่จะต้องให้ท่านลาสิกขาออกไป ซึ่งวันนี้ผมได้มาเรียกนร้องให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้มีการดำเนินการออกไปจังหวัดทั่วประเทศ หาพระปกครองได้พบตัวที่ไหนก็ให้วินิจฉัยให้ท่านลาสมณเพสได้ทันที ไม่เช่นนั้นปัญหาเหล่านี้ก็จะเป็นปัญหามาตลอด เพราะชัดเจนว่าท่านไม่สามารถอยู่ร่วมกับคณะสงฆ์ได้ โดยในบัญญัติไม่ได้มีการกำหนดว่าการพันสังกัดวัดนั้นจะมีกำหนดระยะเวลาในกี่วัน ซึ่งหากวินิจฉัยแล้วไม่ยอมสละสมณภายใน 3 วัน ก็จะมีความผิดพรบ.คณะสงฆ์ ปี พ.ศ.2505 ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และท่านไม่ประสงค์ที่จะอยู่ในพระธรรมวินัย และข้อกำหนดของมหาเถรสมาคม ก็จะสนับสนุนให้ไปตั้งลิทธิใหม่ได้ เช่นอาจารย์เบียร์คนตื่นธรรม ที่โกนศรีษะและสวมชุดขาวให้ความรู้ทางธรรมได้ หรือสันติอโศกที่ไม่โกนคิ้วก็สามารถดำเนินการได้ และถ้าอยากปีนต้นไม่ ไลฟ์สดด่าพ่อล่อแม่กับใครก็ได้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา
ทนายพจน์ กล่าวเสริมว่า วันนี้ยังหาพระปีนเสาไม่พบอีกครั้ง และขอฝากไปยังพี่น้องประชาชน ว่าการกระทำของพระปีนเสาอาจจะไม่พอใจกัน แต่เราก็ไม่สามารถไปใช้ความรุนแรงกันได้ หากไม่พอใจก็ควรจะใช้เหตุและผลในการแก้ไขปัญหาหรือหาทางออก และเป็นที่ชัดอยู่ แล้วว่า ไม่ว่ากับพระสงฆ์หรือฆราวาสก็ไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงได้
“สำหรับทนายธรรมราช ที่พาดพิงมาถึงผม ท่านอาจจะอ่านคำสั่งมหาเถรสมาคมและพรบ.คณะสงฆ์ ฉบับที่ 21 ไม่แตกฉานในประเด็นที่ท่านบอกว่า ต้องมีคำสั่งจากคณะสงฆ์และตั้งอธิกรณ์สอบ อันนั้นเป็นเรื่องที่พระสงฆ์มีการกระทำความผิดเป็นอาจินและท่านยังมีสังกัดวัดอยู่ ซึ่งเป็นไปอย่างที่ท่านพูด แต่กรณีนี้ท่านไม่มีสังกัด สามารถนำมาวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องมีการตั้งกรรมการสอบ ผมยืนยันครับ” ทนายพจน์กล่าว