หลวงพี่น้ำฝนบอกหมาชอบเห่า เสือชอบคำรามตะบบ ถามพระปีนเสาท่านอยู่ไหนเดี๋ยวไปหา ถ้าจะมาพบเชิญธรรมราชด้วย

หลวงพี่น้ำฝนยินดีต้อนรับพระธีระเตรียมมาพบวันที่ 4 ธันวาคมนี้ บอกไม่อยู่ติดงาน ให้ดีบอกมาเลยว่าอยู่ไหนเดี๋ยวไปหาเอง ไม่ต้องรอนาน พร้อมยินดีหากจะมาประตูวัดเปิดตั้งแต่ตีห้าถึงสามทุ่มทุกวัน ให้ดีชวนทนายธรรมราช มาด้วย ย้ำอาตมาเป็นตำรวจพระมีหน้าที่นำศาลและคุมตัวไปส่งเจ้าอาวาสเท่านั้น เหตุยังสึกพระ ปีนเสาไม่ได้ พร้อมให้คำคม ทั้งพระปีนเสาและทนายคู่กายว่า หมามันชอบเห่า เสือชอบตะปบเหยื่อ ให้ความเห็นทนายพูดจาท้าทายทำลูกศิษย์ไม่พอใจอาจควบคุมไม่ได้แล้วถูกตบแบบที่หน้ากองปราบ เป็นเรื่องที่ยากเกินควบคุมไม่อยากให้เกิดอีก และมันน่าอาย

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 จากกรณีที่ ทนายธรรมราช ได้มีการไลฟ์สดในการพูดคุยกับทนายพัฒน์ ในเพจ ทนายธรรมราช The Lawyer of legality. เมื่อคืนวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมาโดยมีการพาดพิงมาถึงกรณีหลวงพี่น้ำฝน กับพระครูปลัดธีระฯ หรือพระปีนเสา ซึ่งมีการพบกัน 2 ครั้งก่อนที่เจ้าอาวาสวัดสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี จะมีหนังสือสั่งให้พระปีนเสาพ้นสังกัดไปเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ซึ่งทนายธรรมราช ได้พูดคุยในการไลฟ์สด ว่าหลวงพี่น้ำฝนอ่านมาตรา 21 คำสั่งมหาเถรสมาคมได้ครบถ้วนหรือไม่และมีการแสดงตัวในการให้คำปรึกษาด้านกฏหมายกับพระปีนเสา


โดยเมื่อคืนวันที่ 17 พฤศจิกายน 67 ที่ผ่านมา พระปีนเสา ได้มีการโพสต์คลิบความยาว 5 นาทีเศษ ซึ่งได้มีการแจ้งประกาศในฐานะประธานภาคีพลังชาวพุทธฯ ว่าวันที่ 26 พ.ย.67 เวลา 10.00 น. จะไปยื่นหนังสือต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัฒน์ นายกรัฐมนตรี เพื่อยื่นหนังสือการก่อสร้างศูนย์กลางการเรียนรู้พระพุทธศาสนา มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท จากนั้นวันที่ 4 ธันวาคม 67 เวลา 09.00 น. จะมาพบหลวงพี่น้ำฝนที่วัดไผ่ล้อม เพื่อขอมาชมรถหรู การทำพิธีการลงนะหน้าทอง การปลุกเสกกุมาร จากนั้นช่วงบ่ายจะไปสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อพบผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนแห่งชาติ เพื่อถามการทำงานว่ามีเจ้าหน้าที่เป็นคริสต์หรืออิสลามหรือไม่ ถึงมีการทำงานที่มีการออกกฏต่างๆให้คณะสงฆ์ เช่นการให้บิณฑบาตถึง 8 โมงเช้าเป็นต้น

ซึ่งในคืนเดียวกันยังมีการทำคลิบ ไปถึงคุณกันจอมพลัง ว่ามีการบงการหลวงพี่น้ำฝน และสำนักงานพระพุทธศาสนาหรือไม่ และได้มีการแจ้งว่าเป็นหนึ่งในขบวนการหมอปลาที่ทำลายพระสงฆ์ กรณีหลวงปู่แสง ซึ่งเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนาและมีการปลุกระดมในการไล่ล่าตนเอง โดยกล่าวถึงหนุ่ม กรรชัย รายการโหนกระแส ที่นำบุคคลที่มีความเห็นทำลายพระพุทธศาสนามานำเสนอบ่อยๆ และมีการเชิญชวนไปตามสถานที่ต่างๆ ต่อจากนั้นได้มีการนำคลิบที่มีการพูดเสียงจากสายของบุคคลคาดว่าจะเป็นพระผู้ใหญ่ในการความเห็นสมควรให้มีการขับตนเองออกจากวัดสามชุก

เรื่องดังกล่าว พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการแก้ไขข้อขัดข้องระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 หรือประธานพระวินยาธิการ ภาค14 ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับพระปีนเสาและทนายธรรมราชซึ่งมีการเคลื่อนไหวและพุ่งเป้ามาถึงว่ามีการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องและใช้กฎมหาเถระสมาคมและพรบ.คณะสงฆ์ กลั่นแกล้งพระปีนเสา โดยมีอาการอาพาธเนื่องจากปฏิบัติศาสนกิจต่อเนื่องมาหลายวัน

หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวว่า ในเรื่องนี้ขอฝากข้อคิดให้กับทั้งคู่ว่า “หมาต่างกับเสือตรงที่ หมาชอบเห่า แต่เสือจะใช้วิธีการคำรามและเข้าตะบบเหยื่อทันที” และอยากจะบอกว่าการที่พระปีนเสา จะเข้ามาพบในวันที่ 4 ธันวาคม ที่จะถึงนี้ก็บอกว่ามาได้เสมอ แต่วันนั้นไม่อยู่ เพราะวันที่ 3 ถึง 8 ธันวาคม 67 มีตารางงานในการไปปฏิบัติศาสนกิจและปฏิบัติธรรมที่ใต้ต้นโพธิ์ สังเวนียสถาน ประเทศอินเดีย แต่ขอให้มาก่อนวันไหนก็ได้ประตูวัดเปิดตั้งแต่ ตี ตีห้าจนถึงสามทุ่มทุกวัน ท่านจะมาแบบไหนหรือจะมากับใครอย่างไรก็พร้อมเสมอวัดไผ่ล้อมมีกิจกรรมให้ท่านดูมากมาย ซึ่งคนที่เป็นญาติโยมมีทั้งมาปฏิบัติธรรมและมาเที่ยวก็มากันแบบนี้ตลอด

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า เอากันตามจริงสำหรับพระปีนเสา ท่านไม่ต้องบอกว่าจะมาวันไหนขอให้แค่บอกมาอาตมาก็พร้อมจะไปหาทันทีอันนี้คือเรื่องจริงที่ชัดเจนแน่นอน ถามอีกคำว่าตอนนี้ท่านอยู่ที่วัดไหนอาตมาจะไปหาจะไปพบทันที ไม่ต้องรอช้า

หลวงพี่น้ำฝนกล่าว ต่อไปว่า สำหรับคำถามที่ถามว่าทำไมยังสึกพระปีนเสาไม่ได้ ต้องแจ้งตรงนี้ว่าอาตมาเป็นตำรวจพระมีหน้าที่นำตัวไปส่งหรือนำเอกสารไปแจ้งให้เจ้าตัวทราบ ส่วนการจะจับสึก มีคำสั่งอย่างไรเป็นอำนาจของเจ้าอาวาสและเจ้าคณะผู้ปกครองให้แยกส่วนกันให้ชัดเจน ซึ่งเมื่อคืนก็ทราบว่ามีการไลฟ์สดอีกถามว่าการกระทำของพระปีนเสาก็ปรากฏ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคำสั่งให้พ้นจากวัดสามชุกโดยมีการระบุว่าไม่ฟังคำสั่งเจ้าอาวาสก็ถือเป็นสิ่งที่ร้ายแรง หากถามว่าพระปีนเสาจะมาขออยู่ที่วัดไผ่ล้อม จะรับไหมตอบได้เลยว่าไม่รับ เพราะยากต่อการควบคุม ซึ่งคณะสงวัดไผ่ล้อมมีอะไรก็แล้วแต่จะไปไหนหรือทำอะไรจะต้องมีการแจ้งรายงานให้เจ้าอาวาสทราบอยู่ตลอดแต่นี่คุมไม่ได้ เรื่องนี้ก็ต้องขอเตือนเจ้าอาวาสวัดอื่นๆด้วยว่าหากรับไปสังกัดแล้วจะต้องพบกับปัญหาอะไรบ้าง

ส่วนกรณี ทนายธรรมมราช ได้ออกมาไลฟ์สดและมีการโพสต์ข้อความว่าหลวงพี่น้ำฝนอาจจะผิดข้อหามาตรา 157 และมีการกระทำในการติดตามตัวพระปีนเสาอย่างไม่ถูกต้อง หลวงพี่น้ำฝนได้แจ้งว่า อาตมามีหน้าที่ติดตามตัวไปให้เจ้าอาวาสและคณะผู้ปกครองเท่านั้นเรื่องอื่นไม่เกี่ยว และทนายธรรมราชเองอาตมาก็ไม่รู้จัก เคยเห็นแค่จังหวะโดนตบที่กองปราบปราม รู้อยู่เท่านั้น ซึ่งในวันที่พระปีนเสา บอกว่าจะมาที่วัดไผ่ล้อมก็อยากให้มาทั้งคู่ พร้อมพร้อมกัน

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับทนายคนที่สงสัยว่าอาตมาทำถูกต้องหรือไม่ ก็ขอยืนยันว่าอาตมาทำอยู่ในกรอบของคำสั่งมหาเถรสมาคม และพระราชบัญญัติพระสงฆ์ ถามว่าโยมจะไปรู้ดีกว่าเรื่องพระได้อย่างไร เพราะเขามีการประชุมกันระดับชั้นผู้ใหญ่กันโดยตลอด เช่นกันพระจะรู้เรื่องมากกว่าโยมได้อย่างไรทางโลก ซึ่งกระบวนการการปกครองของพระเค้ามีตามลำดับชั้น ตั้งแต่เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะตำบล รวมถึงเจ้าอาวาส ซึ่งมีคำถามมาว่าจะฟ้องร้องในมาตรา 157 หรือข้ออื่นก็เชิญฟ้องได้เลยหากอาตมาผิดก็ฟ้องมาเลย

“การที่ทนายธรรมราช ออกมาแสดงความชัดเจนและพูดทำนองว่าหากจะจับแล้วอาจจะมีการสวนกลับมาบ้าง ก็ถือว่าพูดจาหนักไป ลูกศิษย์ลูกหาหลายคนของอาตมาฟังแล้วก็ไม่สบายใจ และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบที่กองปราบปรามเกิดขึ้นอีก แต่มันก็ยากต่อการควบคุม เพราะทุกคนเค้าก็มีครูบาอาจารย์ของเขา ขอย้ำอีกครั้งให้ฟังว่าหมามันชอบเห่า แต่เสือมันชอบตะปบเหยื่อ เช่นกันอาตมาก็ทำหน้าที่ในฐานะพระและตามรอยขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าตามกฎระเบียบแน่นอน” หลวงพี่น้ำฝนกล่าวปิดท้าย