เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน หลายท่านอาจจะทราบว่าอาตมามีสถานะอีกอย่างหนึ่ง คือ พระวินยาธิการ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ตำรวจพระ ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม และปัจจุบันยังรับตำแหน่งประธานคณะทำงานดำเนินการแก้ไขข้อขัดข้อง ระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 (นครปฐม สุพรรณบุรี กาญจนบุรี สมุทรสาคร) และกรรมการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศีล 5” ระดับหนกลาง ตามพระบัญชาเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ก็ทำให้อาตมาได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับอธิกรณ์ต่าง ๆ ในพื้นที่ เรื่องเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง โดยเฉพาะการเป็นตำรวจพระนั้น อาตมารับหน้าที่นี้มานานและได้พบกับอธิกรณ์หลากรูปแบบ ทั้งเรื่องผิดพระวินัย และเรื่องผิดกฎหมายบ้านเมือง บางเรื่องก็ปวดหัวพิลึก ซึ่งพระวินยาธิการมีหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ เนื่องจากพระภิกษุสงฆ์ในประเทศไทยที่ผ่านการบวชอย่างถูกต้อง มีสถานะทั้งพระภิกษุสงฆ์ที่ต้องปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ศีลปาติโมกข์ทั้ง 227 และมีสถานะในฐานะบุคคลพลเมืองของประเทศไทยที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายกฎหมายโดยทั่วไปไม่ได้ละเว้นพระสงฆ์ เหตุนี้คณะสงฆ์จึงดำริให้ตั้งคณะพระวินยาธิการ หรือตำรวจพระในแต่ละพื้นที่เพื่อเป็นตัวกลางในการดำเนินการเกี่ยวกับอธิกรณ์ต่าง ๆ หรืออาจเรียกว่าเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน คือ พระสงฆ์ระดับบังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ต้องทำความเจ้าใจอย่างหนึ่งว่า พระวินยาธิการไม่ได้มีหน้าที่วินิจฉัยปรับโทษใคร ไม่ได้มีหน้าที่ลงโทษ พระวินยาธิการคือผู้ช่วยให้การดำเนินการตามพระธรรมวินัยและกฎหมายบ้านเมืองเป็นไปโดยสะดวกตามที่ควรเป็น
เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา คิดว่าหลายท่านคงได้ยินข่าว “พระปีนเสา” ซึ่งอาตมาได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะพระวินยาธิการ ด้วยมีการร้องเรียนว่าพระภิกษุรูปนี้ได้กระทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมแก่สมณสารูป จะปีนเสาร้องเรียนอะไรต่าง ๆ ถึงสถานีโทรทัศน์ช่องดัง เป็นข่าวใหญ่โต พระภิกษุรูปนี้ตั้งสำนักปฏิบัติธรรมอยู่ที่อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ก็ท้องที่ของอาตมาเอง มีรายงานมาว่าเดิมพระภิกษุรูปนี้เคยอยู่ที่จังหวัดพิจิตร ภายหลังอ้างว่าถูกสังกัดเดิมกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา และได้มาขอสังกัดวัดที่จังหวัดสุพรรณบุรี แต่ตั้งแต่ขอเข้าสังกัดมาก็ไม่เคยอยู่วัดนั้นเลย ลงมาตั้งสำนักปฏิบัติธรรมที่นครชัยศรี และที่สำคัญสำนักปฏิบัติธรรมนี้ยังไม่ได้ยื่นขอจัดตั้งอย่างเป็นทางการ มีสถานะถูกต้องตามระเบียบ อาตมาจึงต้องเข้าไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ ตามหน้าที่
พออาตมาไปถึงแล้ว อาตมาพบว่าที่นั่นเปลี่ยวมาก และเจ้าคณะอำเภอได้รายงานว่าสถานปฏิบัติธรรมดังกล่าวยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับคณะสงฆ์ในพื้นที่ จึงอาจเรียกว่าเป็นสถานปฏิบัติธรรมเถื่อน อาตมาตรวจสอบแล้วจึงแนะนำพระภิกษุรูปนั้นว่าควรจะกลับไปยังวัดต้นสังกัดและทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามระเบียบ ส่วนเรื่องสำนักปฏิบัติธรรมนั้นขอให้ดำเนินการอย่างถูกต้องกับคณะสงฆ์ในพื้นที่ ทั้งนี้ก็เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในภาพรวม และต่อมาทางวัดต้นสังกัดที่จังหวัดสุพรรณบุรีได้มีหนังสือเรียกตัวพระภิกษุรูปนั้นกลับไปยังต้นสังกัดแล้ว
เรื่องพระภิกษุต้องมีสังกัดนั้นสำคัญ เพราะสังคมพระสงฆ์เป็นสังคมขนาดใหญ่ แต่หากมีเรื่องมีราวอะไรแม้จะเกิดจากพระรูปเดียวก็ฉาวทั้งวงการ ฉะนั้น คณะสงฆ์ไทยจึงจัดระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ขึ้นเพื่อความเป็นเอกภาพในการดำรงพระธรรมวินัย และได้ออกเป็นกฎหมายบ้านเมืองด้วยเพราะเมืองไทยของเราเป็นนิติรัฐ จะกระทำการใดต้องมีกฎหมาย เราก็มีกฎหมาย เรียกว่าพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ซึ่งออกอย่างถูกต้อง มีผลบังคับใช้ทั่วสังฆมณฑล พระราชบัญญัติคณะสงฆ์บัญญัติให้มีองค์กรหนึ่งเรียกว่า “มหาเถรสมาคม” เป็นคณะกรรมการอันประกอบด้วยสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกเป็นประธาน พร้อมด้วยสมเด็จพระราชาคณะ และพระราชาคณะชั้นเจ้าคณะรอง (รองสมเด็จ) คณะหนึ่ง ดูแลคณะสงฆ์ทั่วราชอาณาจักรทุกนิกาย จากนี้ลงไปจึงแยกตามนิกาย ในฝั่งมหานิกายจะแบ่งเป็นเป็นหน มีสมเด็จพระราชาคณะเป็นเจ้าคณะหน จากหนก็ลงเป็นภาค จากภาคลงเป็นจังหวัด จากจังหวัดลงเป็นอำเภอ จากอำเภอลงเป็นตำบล แต่ละลำดับมีเจ้าคณะปกครอง และเจ้าพนักงานผู้ปกครองระดับล่างสุดคือเจ้าอาวาสของแต่ละวัด ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลพระภิกษุสงฆ์ในสังกัดของตนโดยตรง การที่พระสงฆ์แยกตัวจากการบังคับบัญชาของเจ้าอาวาสไปอยู่โดยลำพังไม่ขึ้นแก่ใคร ถ้าใคร่จะปลีกวิเวกไปอยู่โดยสงัด คณะสงฆ์รับรู้ ผู้บังคับบัญชาอนุญาต ก็แล้วไป แต่ถ้าไปโดยพลการถือว่าไม่ถูกต้องตามหลักการปกครองเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีเรื่องมีราวขึ้นมาจะดีจะร้าย เจ้าอาวาสติดตามแก้ไขไม่ได้ก็เป็นปัญหา เจ้าตัวเกิดปัญหาจะไปหาผู้มีอำนาจบังคับบัญชาเพื่อแก้ไขปัญหาก็ไม่มีใครรู้จัก ก็เป็นปัญหา พระสงฆ์จึงต้องมีสังกัด ต้องอยู่ในการปกครอง เพื่อความเป็นระเบียบ ชอบทั้งพระวินัยและกฎหมายบ้านเมือง
ในฐานะพระวินยาธิการ อาตมาได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนว่า พระพุทธศาสนาจะมั่นคง ต้องปกป้องสิ่งที่ถูกต้อง อาตมาในฐานะพระวินยาธิการ ในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐม มีหน้าที่ต้องปกป้องสิ่งที่ถูกต้อง และขจัดสิ่งที่บิดเบือนออกไป เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของพระพุทธศาสนาให้มั่นคงสืบไปในทุกพื้นที่ที่อาตมาดูแลอยู่ เมื่อใดที่พบสิ่งผิดเพี้ยน หรือการกระทำที่ไม่สอดคล้องกับหลักศาสนาพุทธ เราต้องรีบเข้าไปตรวจสอบและแก้ไขโดยเร็ว มิให้ความศรัทธาของญาติโยมต้องถูกบั่นทอน ไม่ว่าจะเป็นในด้านการปฏิบัติศาสนกิจของพระสงฆ์ การบริหารวัด หรือเรื่องที่มีผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ ทุกอย่างต้องอยู่ในหลักแห่งความถูกต้อง ชอบธรรม ตามพระธรรมวินัย
อาตมาเชื่อว่า การปกป้องศาสนาไม่ใช่เพียงหน้าที่ของพระสงฆ์เท่านั้น แต่ยังเป็นหน้าที่ของญาติโยมทุกคนในชุมชนที่มีใจศรัทธา เมื่อเห็นสิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง อย่าเพิกเฉย แต่ต้องร่วมมือกันรายงานและแก้ไข เพื่อป้องกันมิให้ความผิดพลาดเล็กน้อยกลายเป็นปัญหาใหญ่ การแก้ไขเรื่องเหล่านี้เป็นการเสริมสร้างศีลธรรมในสังคม หากทุกคนร่วมมือกันในทางที่ถูกต้อง ศาสนาก็จะมั่นคง และเป็นแหล่งยึดเหนี่ยวใจของคนได้อย่างแท้จริง “ศรัทธาของพวกเรา คือ พลังปกป้องพระศาสนา”