จากกรณีย์ตำรวจสถานีตำรวจภูธรนครชัยศรี โดยการนำของ พันตำรวจเอก สีหเดช สระกอบแก้ว ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรนครชัยศรี พร้อมชุดสืบสวนร่วมกันจับกุมตัว นายสุรพล พินทอง อายุ 39 ปี ที่อยู่ 33/4 ม.4 ต.ศรีมหาโพธิ์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม แจ้งข้อกล่าวหา ฐานความผิดว่า “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยใช้กำลังประทุษร้าย” หลังจากที่ นายสุรพล พินทองได้บุกเข้าไปพยายามจะข่มขืน เด็กหญิง ออม (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.6 ถึงในห้องเรียน โรงเรียนวัดลานแหลม ต.วัดละมุด อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เมื่อเช้าวันที่ 10 กันยายน 2561 ขณะผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กนักเรียนหญิง เอากระเป๋าเข้าไปวางบนเก้าอี้ ในห้องเรียนชั้น ป.6 แล้วเดินลงมาทำเวรทำความสะอาดที่ห้องธุรการชั้นล่าขณะเดินผ่านห้องชั้น ป.3 ติดกับบันไดทางลง นายสุรพล พินทอง(ทราบชื่อ สกุลภายหลัง)ใช้กำลังลากตัวเหยื่อเข้าไปในห้อง แต่เหยื่อดิ้นรนต่อสู้คนร้าย ประกอบกับมีนักเรียนรุ่นน้อง ชั้น ป.3 เดินผ่านมาเห็น คนร้าย จึงละความพยายาม วิ่งหนีออกมาจากห้องเรียนชั้น ป.3 ที่เกิดเหตุไป ก่อนที่เหยื่อเด็กหญิง ออม (นามสมมุติ) จะนำเรื่องไปบอกให้ครูในบ้านพักครูที่อยู่ติดกับโรงเรียนทราบ และได้โทรศัพท์เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับมารดาทราบ และพาเด็กหญิงฯผู้เสียหายไปแจ้งตำรวจ จนนำไปสู่การสืบสวนและสามารถจับกุมตัว นายสุรพล พินทอง ได้นำไปชี้ทำแผนกระกอบคำรับสารภาพ ที่โรงเรียนที่เกิดเหตุ เมื่อ วันที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมา ก่อนนำตัวนายสุรพล พินทอง ไปผลัดฟ้องฝากขัง ที่ศาลจังหวัดนครปฐม โดยก่อนนำ ตัวนายสุรพล พินทอง ไปผลัดฟ้องฝากขัง พล.ต.ต.คำรณ บุญเลิศ ผบก.ภ.จว.นครปฐม มีคำสั่งให้ พนักงานสอบสวน ท้องที่นำนายสุรพล พินทอง ไป ที่ พฐ.7 เพื่อเก็บ DNA ตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับ DNA ของคนร้ายที่เคยก่อเหตุข่มขืนหญิงสูงอายุที่เกิดหลายท้องที่ต่อเนื่องก่อนหน้านี้ ทั้งในจังหวัดนครปฐมและพื้นที่อื่น ซึ่งยังจับกุมตัวไม่ได้ และจากการตรวจสอบประวัติ นายสุรพล พินทอง พบข้อมูลว่า เคยก่อเหตุฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เมื่อประมาณปี 55-56 ศาลตัดสินจำคุก 7 ปี โดยนายสุรพล ต่อสู้ว่า ป่วยมีอาการทางจิต และเพิ่งพ้นโทษออกจากคุกมาเมื่อปี 2560 ตามที่ เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า พันตำรวจเอก สีหเดช สระกอบแก้ว ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรนครชัยศรี เผยว่า ในส่วนของการดำเนินคดี ทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตามขั้นตอนครบถ้วนแล้วตั้งแต่เริ่มรับคำร้องทุกข์การสอบสวนปากคำเหยื่อผู้เสียหายซึ่งเป็นเยาวชน ตามระเบียบ จนกระทั่งสืบสวนจนรู้ตัวผู้กระทำความผิดจนนำไปสู่การจับกุมตัว ตามที่สื่อเสนอข่าว ในส่วนของการให้ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 เก็บสารคัดหลั่งจากในตัวของผู้ต้องหา เพื่อนำไปตรวจดีเอ็นเอเปรียบเทียบ กับผลดีเอ็นเอที่เคยเก็บไว้ในกรณีมีคดีข่มขืนหญิงชรา หลายท้องที่ต่อเนื่อง ทั้งในจังหวัดนครปฐม และจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งพื้นที่สถานีตำรวจภูธรนครชัยศรีก็มีคดีดังกล่าวรวมอยู่ด้วยเพื่อเปรียบเทียบ เนื่องจากคดีดังกล่าวยังไม่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำความผิดได้ ส่วนผลที่จะทราบคงต้องใช้ระยะเวลา ระยะหนึ่งตามขั้นตอน
สำหรับ นายสุรพล พิณทอง คนร้ายที่บุกเดี่ยวพยายามข่มขืนนักเรียนหญิงวัย 11 ปีถึงในห้องเรียนรายนี้ จากแฟ้มข่าวพบว่า เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2555 หลังเที่ยงวัน พนักงานสอบสวน สภ.นครชัยศรี ได้รับแจ้งเหตุมีผู้พบศพหญิง ถูกฆ่ายัดศพอยู่ในท่อระบายน้ำในป่าหมู่บ้านร้าง หมู่ที่ 5 ตำบล ศรีมหาโพธิ์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม จึงไปไปตรวจสอบ ขณะนั้นมี พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ตำแหน่ง รอง ผบช.ภ. 7 พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ สกุลวิวัฒน์ เป็น ผกก.สภ.นครชัยศรี มี พ.ต.ท.สานิต ชินจอหอ เป็น รอง ผกก.สส. สภ.นครชัยศรี
ที่เกิดเหตุพบศพหญิง ทราบชื่อคือ นางฐิติพร หรือปลา หรือตุ๊กตา น่วมไม้พุ่ม อายุ 28 ปี(ขณะเสียชีวิต) อยู่บ้านเลขที่ 195/2 ม. 1 ต.นครชัยศรี จ.นครปฐม โดยเป็นคนพิการขาลีบข้างซ้าย เคยเข้ารักษาตัว ฝากท้อง ที่ รพ.ห้วยพลู พักอาศัยอยู่กับสามี และลูก 1 คน ก่อนหน้าผู้ตายเคยเป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งใน อ.นครชัยศรี ต่อมาร้านอาหารที่ทำงานปิด ผู้ตายก็มักจะไปเดินเที่ยวเล่นอยู่ตามตลาดท่านานครชัยศรี ครั้งนั้น ขณะพบศพ นายสุรพล พิณทอง อายุ 33 ปี(สามีอายุขณะนั้น) อยู่บ้านเลขที่ 33/4 หมู่ 4 ต.ศรีมหาโพธิ์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ยังแสดงตัวว่าเป็นสามีของผู้ตาย พร้อมแสดงความเศร้าเสียใจเข้าให้ปากคำกับตำรวจ อ้างว่า
ก่อนจะมาเป็นศพ นายสุรพล ได้ขัง นางฐิติพร หรือปลา หรือตุ๊กตา ไว้ในบ้านเพราะไม่ต้องการให้นางฐิติพรออกเที่ยวกลางคืน ช่วงที่ตนเองต้องขับรถยนต์โรงงานผลิตเต้าฮู้หลอดไปส่งของที่ กทม. พอตอนเช้ากลับมาบ้านไม่พบนางฐิติพร ภรรยา พบว่า เหล็กดัดหน้าต่างบ้านมีรอยงัด คาดว่า นางฐิติพร ภรรยา จะงัดแล้วปีนหน้าต่างออกไป ตนเองก็ยังออกตามหาอยู่ครึ่งวันไม่พบตัว มาพบเอาก็ตอนเป็นศพถูกฆ่าซ่อนศพในท่อน้ำในป่าหมู่บ้านร้างดังกล่าว แต่ครั้งนั้นชุดสืบสวนหลายหน่วย ทั้งจาก ท้องที่ จาก จังหวัด และ สืบสวนภาค7 ได้ลงมาร่วมสืบสวน และพบพิรุธ จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งพบรอยคราบน้ำมันเครื่อง และรอยล้อรถจักรยานยนต์ ที่ทิ้งรอยไว้ไม่นาน เมื่อเดินทางไปตรวจที่บ้านของเหยื่อ พบร่องรอยงัดเหล็กดัดหน้าต่าง แต่ไม่พบหลักฐานอื่นใด และพบรถจักรยานยนต์ ของนายสุรพล จอดอยู่มีคราบน้ำมันเครื่องรั่วหยด
เมื่อพยายามสอบปากคำนายสุรพลอีก ก็มีอาการพิรุธ สุดท้ายเมื่อถูกต้องหนัก นายสุรพล ก็เปิดปากยอมรับว่าเป็นคนฆ่า นางฐิติพร หรือปลา หรือตุ๊กตา ภรรยาเอง หลังตามหา ด้วยความโมโห จึงได้โทรศัพท์มือถือไปหา นางฐิติพรหลายครั้ง แต่ไม่รับสาย จนกระทั่งใกล้เที่ยงวันเจอตัว นางฐิติพร อยู่แถวตลาดท่านา ใกล้ กับโรงพักนครชัย ศรี จึงเรียกให้ นางฐิติพร ขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ระหว่างทางได้พูดคุยซักถาม จนเกิดปากเสียงทะเลาะกันตลอดทาง ด้วยความโมโหประกอบกับความหึงหวงและมีอารมณ์ทางเพศจึงขับรถจักรยานยนต์ พานางฐิติพร เข้าไปในหมู่บ้านร้างจุดพบศพ แต่นางฐิติพรยังไม่หยุดโวยวายด่าทอ ด้วยความโมโห จึงตบหน้า ชกหน้า และล็อครัดคอ จนนิ่งไป เมื่อเขย่าเรียก นางฐิติพรฟื้น จึงสอบถามว่าช่วงกลางคืนไปไหนมา นางฐิติพรไม่ตอบ ทำให้เพิ่มความโมโหจึงจับภรรยาฉีกเสื้อผ้า หวังจะมีเพศสัมพันธ์ให้คืนดีหายโกรธ แต่กลับถูก นางฐิติพรด่าหนักขึ้นอีก จึงใช้มือล็อกพร้อมบีบคอจนแน่นิ่ง และได้คว้าท่อนไม้กระถินที่มีอยู่แถวนั้น แทงที่ท้องกับลำคอ พร้อมใช้ยกทรงของ นางฐิติพร เองที่ถูกฉีกออกรัดคอซ้ำจนเสียชีวิต จากนั้นได้นำร่างของนางฐิติพร หรือปลา หรือตุ๊กตา ไปยัดใส่ท่อน้ำโดยเอาหัวลงไปก่อนแล้วยัดขาลงไป จากนั้นก็ขับ จยย. กลับไปนอนที่ห้องเช่า ตำรวจก็ไปหาบอกเรื่องพบศพนางฐิติพร จึงแกล้งร้องไห้เสียใจคร่ำครวญ แต่ก็ไม่รอด ตกเป็นผู้ต้องฆ่าคนตาย
หลังติดคุกราว 5 ปี เมื่อพ้นโทษออกมา ก็มาก่อเหตุบุกโรงเรียนกลางวันแสกๆพยายามข่มขืนเด็กนักเรียนหญิง ชั้น ป.6 วัย 11 ปี แต่ไม่สำเร็จ กระทั้งถูกจับดังกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า ระหว่างที่ นายสุรพล ถูกจำคุกคดีฆ่า นางฐิติพร ภรรยา คดีข่มขืนต่อเนื่องหญิงสูงวัย ในพื้นที่จังหวัดนครปฐมและใกล้เคียงก็เงียบหายไปด้วยเช่นกัน…