หลวงพี่น้ำฝน หงายการ์ด บอก อัพ ทู โยม ทนายอนันตชัย เผยเรื่องวัดจันทร์ในกำลังจะเริ่มสานสัมพันธ์ให้จบ มีหลักฐานการพูดคุยกับพระ 12 รูปในการน้อมรับการปฏิบัติใต้กฎระเบียบของเจ้าอาวาสไว้แล้ว พร้อมได้พูดคุยกับเจ้าอาวาสไปแล้ว แต่พอแถลงข่าวกลับมาเป็นคนละเรื่อง ชี้เข้าไปเพื่อระงับปัญหาให้จบเพื่อความสงบ กลับถูกสวนไปบงการเรื่องวุ่นวาย ถามกลับใครกันแน่ไม่อยากให้เรื่องจบ และชี้ศาสนาไม่ใช่ที่ทำคอนเทนท์ และบางคนติดความหลงตัวเองเป็นศูนย์กลางความถูกต้อง ส่วนคนที่ให้ข้อมูลมีมาเฟียพระบงการเรื่องนี้ ถือว่าชั่วช้ามาก เพราะตั้งใจไปช่วยให้จบปัญหา แต่มีคนไม่อยากให้จบ
วันที่ 19 เมษายน 67 ผู้สื่อข่าวรายการความคืบหน้า จากกรณี ทนายอนันตชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิกองทัพธรรม และทีมทนายความ ได้มีการเปิดแถลงข่าวและไลฟ์สดผ่านเพจสำนักข่าวหลายสำนักกรณี ความขัดแย้งภายในวัดจันทร์ใน แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร โดยได้มีการกล่าวพาดพิงถึงมาเฟียพระ และมีเนื้อหาพูดถึง พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ พี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม ว่าไม่มีความข้องเกี่ยว และไม่มีอำนาจในการเข้ามาเจรจาปัญหาภายในวัดจันทร์ในซึ่งมีความขัดแย้งยาวนานกว่า 4 ปี และเข้าไปยุ่งกับปัญหาเพราะอะไร
โดยหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เผยต่อสื่อหลังจากถูกพาดพิงว่า ได้ทราบข้อมูลในการแถลงข่าวพาดพิงมาถึงเมื่อวานนี้ซึ่งก็ไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไรเพราะคาดเดาได้อยู่แล้วว่าทนายอนันตชัย ต้องการอะไรในการแถลงข่าว ก็จะขอบอกว่า อัพ ทู โยม (แล้วแต่) อนันตชัยจะคิด ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในประเด็นเบื้องลึกเป็นปัญหาเล็กน้อยภายในวัดท่านั้น ซึ่งการที่ได้เข้าไปพูดคุยเจรจาเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา เป็นการไปอธิบายให้พระลูกวัดได้เข้าใจว่าต้องปฏิบัติตนอย่างไรกับทางท่านเจ้าอาวาส และยืนยันว่ามีข้อมูลจากทั้งสองฝ่าย ที่กำลังจะจบปัญหาอยู่ในมืออยู่แล้ว
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวต่อว่า วันนี้ในส่วนของอาตมา ก็ยังมั่นใจว่าคณะพระสงฆ์ 12 รูป ที่วัดจันทร์ใน นั้นพร้อมจะเชื่อฟังและเจรจากับทางท่านเจ้าอาวาส แต่ขอให้เป็นการภายในของคณะสงฆ์ เพราะหากมีทั้งทนายของทั้งสองฝั่งมาคุยกัน เรื่องนี้ก็จะไม่จบ ซึ่งในการตกลงเจรจากันก่อนหน้า ยังมีการหารือในเรื่องของการทำปาติโมกข์ ในวันที่ 23 เมษายนนี้ ซึ่งทางท่านเจ้าอาวาส ได้สอบถามเวลาในการเป็นพระนำสวดโดยพระมหาวีรวงศ์ รองเจ้าอาวาสที่มีปัญหากัน ในเวลา 15:00 น.ไปแล้ว นั่นคือประเด็นที่จบกันในวันหารือภายในวัดจันทร์ใน โดยเมื่อวันที่ 13 เมษายน ก็ปรากฏคณะสงฆ์ได้ไปกราบรดน้ำขอพรเนื่องในวันสงกรานต์กับทางท่านเจ้าอาวาสและกลับมาปฎิบัติกิจทำวัตรเช้าเย็นเหมือนเดิมดังที่เคยทำมา ซึ่งก็มีการโพสต์ Facebook แชร์ให้ญาติโยมได้เห็นกันแล้ว ซึ่งเรื่องกำลังดำเนินไปสู่การเชื่อมโยงในการสานสัมพันธ์กัน และอาตมาก็ได้ให้คำเชื่อมั่นกับทางท่านเจ้าอาวาสว่าจะช่วยกำกับพฤติกรรมของพระทั้ง 12 รูปให้โดยขอให้เปิดใจดูพระลูกวัดที่จะมีท่าทีเปลี่ยนไปแน่นอน
“ที่บอกว่า อาตามาเป็นมาเฟีย ต้องบอกว่าคนพูดนั้นเลอะเทอะ เอาสมองส่วนไหนมาคิด และเป็นคนที่จิตใจเลวทรามต่ำช้ามาก เพราะการที่เข้าไปสมานความสัมพันธ์ ให้กับทั้งสองฝ่าย น่าจะเป็นเรื่องดี และไม่ได้เข้าไปยุยงให้คณะสงฆ์ทั้ง 12 รูป ขัดขืนหรือกระด้างกระเดื่องต่อพระเดชพระคุณเจ้าอาวาส และไม่หวั่นว่าถูกนำชื่อขึ้นมาแถลงข่าวจะทำให้เสียหายเพราะมีเจตนาที่จะทำปัญหา ภายในวัดจันทร์ใน สงบลงให้เร็วที่สุด แต่ก็ไม่ทราบว่าทำไมมีคนที่ไม่อยากให้เรื่องนี้จบลง” หลวงพี่น้ำฝน กล่าว
สำหรับประเด็น ที่ทนายอนันตชัย ได้บอกอาตมา ไปเสนอข่าวว่าเรื่องในวัดจันทร์ใน จบลงแล้วนั้น อาตมาไปในฐานะพระสงฆ์รูปหนึ่งไม่ได้มีใครสั่งการให้ไปและเข้าไปทำให้เกิดความเข้าใจกัน ซึ่งในวันนั้นก็ได้มีการโทรศัพท์ไปหาประธานมูลนิธิกองทัพธรรม 2 ครั้ง แต่ไม่รับสาย ทางท่านเจ้าอาวาสจึงได้หยิบโทรศัพท์โทรไปหาทนายหมี ซึ่งก็ยังได้พูดคุยกันและยังสรุปว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับทางท่านประธานมูลนิธิ และตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้มีการโทรกลับมาหารือกัน โดยไม่คิดว่าจะเป็นการตัดหน้าหรือแย่งซีนที่ทำให้ปัญหาจบลงได้เพราะศาสนาไม่ใช่เรื่องเล่น และไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาทำคอนเทนท์ ออกข่าวให้เสียหาย ซึ่งในวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ยืนยันว่า อาตมาเข้าไปเจรจา ในส่วนการปกครองของพระ ไม่เกี่ยวกับเรื่องคดีความที่ฟ้องร้องกัน ที่เคยเป็นปัญหาก็ให้ว่ากันไป ซึ่งก็ได้แจ้งกับทางท่านเจ้าเจ้าอาวาสไปแล้ว ท่านเองก็ไม่ขัดแย้งอะไร แต่ไม่ทราบว่าหลังออกจากห้องมาวันนั้นแล้วจนถึงวันแถลงทำไมทุกอย่างถึงมีการพูดเปลี่ยนไป ที่พูดตรงนี้ได้เพราะอาตมามีหลักฐานทั้งหมด ถ้าท่านพูดกลับคำอย่างนั้นก็ถือว่าความเคารพก็น่าจะหายไปเยอะ หรือจะมีทะแนะ มาบอกอะไรท่านอันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกัน และที่บอกว่าอาตมานั้นเข้าไปพูดเสียงดังเอะอะก็ไม่จริง อาตมาก็มีหลักฐาน
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับความสัมพันธ์ส่วนตัวกับทนายอนันตชัย หลังจากมีการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ ก็ไม่ได้คิดจะไปโกรธหรือจะไปมีเรื่องราวอะไรเพราะอาตมาพูดอะไรก็พูดครั้งเดียวถือว่าจบและก็ให้หลักการคิดใน เรื่องที่เกิดขึ้นก็ควรใช้หลัก (ค ว ย ห) คิด วิเคราะห์ แยกแยะ อย่างมีเหตุผล และไม่คิดดำเนินการอะไรต่อ และอาตมาเป็นพระก็โกหกไม่ได้ ไม่เหมือนบางคนที่คิดว่าตนเองเป็นศูนย์รวมความถูกต้อง ทำอะไรถูกอยู่คนเดียว ใครคิดต่างก็ผิดไปหมด บางครั้งมันก็มีความหลงตัวเองเข้ามา แต่คนที่บอกว่าอาตมาเป็นคนบงการเรื่องนี้ทั้งหมด ถือว่าชั่วช้ามาก
” อาตมายังคงเห็นดีด้วยกับแนวคิดนโยบายของมูลนิธิกองทัพธรรม คือ “ธำรง ไม่ทำลาย” และไม่ได้เดินหน้าทำคอนเทนท์ออกข่าวเสียจนวัดเกิดความหาย ซึ่งถือเป็นปนิธานที่ดีเยี่ยม และอาตมาก็นำมาใช้อยู่ตามรอยของมูลนิธิกองทัพธรรม ส่วนใคร ทำลายไม่ธำรง ก็แล้วแต่เขาเรื่องนี้ก็ขอให้ประชาชนได้ดูว่าสิ่งที่อาตมาเข้าไปแก้ไขข้อขัดแย้งให้จบสิ้นโดยไม่ต้องใช้ข้อกฎหมายเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ และทำให้คณะสงฆ์เกิดความสมานฉันท์เป็นศูนย์รวมจิตใจของญาติโยม ตกลงดีหรือไม่ดี” หลวงพี่น้ำฝน กล่าวปิดท้าย