วันนี้ (16 กุมภาพันธ์ 2567) อาจารย์ ดร.วิรัติ ปิ่นแก้ว อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม กล่าวรายงานพิธีน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในพิธีวันราชภัฏ ประจำปีพุทธศักราช 2567 และวาระครบรอบ 88 ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ณ หอประชุมสิริวรปัญญา อาคารสิริวรปัญญา โดยมี ศาสตราจารย.วุฒิสาร ตันไชย นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม เจ้าประคุณ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร กล่าวธัมโมวาท พร้อมด้วย นายประสิทธิ์ ปทุมารักษ์ สมาชิกวุฒิสภา ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมเดช นิลพันธุ์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม พร้อมด้วยข้าราชการเกษียณ คณาจารย์ บุคลากร นักเรียน และนักศึกษาเข้าร่วมพิธี จำนวน 1,000 คน
อธิการบดีกล่าวว่า พิธีการเริ่มเวลา 8.30 น. พระสงฆ์ จำนวน 10 รูป รับบิณฑบาต (ข้าวสารอาหารแห้ง) ชมการแสดงชุด “ระบำจักรีราชภัฏ” จากสาขานาฏศิลป์และศิลปะการแสดง คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และขบวนอัญเชิญตราพระราชลัญจกร การจัดพิธีน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม “ราชภัฏ” แก่สถาบันราชภัฏ พร้อมกันนี้ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรมราชานุญาตให้อัญเชิญ “ตราพระราชลัญจกร” ประจำพระองค์เป็นตราสถาบันราชภัฏ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2535 ซึ่งเป็นสิ่งที่นำความภาคภูมิใจอันสูงสุด มาสู่ชาวสถาบันราชภัฏทั่วประเทศ และเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พุทธศักราช 2547 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯลงพระปรมาภิไธยในพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พุทธศักราช 2547 ให้มหาวิทยาเป็นสถาบันอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นที่ เสริมสร้างพลังปัญญาของแผ่นดิน ฟื้นฟูพลังการเรียนรู้เชิดชูภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างสรรค์ศิลปวิทยา เพื่อความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนของปวงชน มีส่วนร่วมในการจัดการ การบำรุงรักษา การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่าง สมดุลและยั่งยืน ตลอดจนพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จ พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ให้กับบัณฑิตของมหาวิทยาลัยราชภัฏที่สำเร็จการศึกษา มาแล้ว ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2521 จนถึงปัจจุบัน โดยมีบัณฑิตเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรมากกว่า 2.3 ล้านคน รวมไปถึง พระราโชบายด้านการศึกษา ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ น้อมนำมาปฏิบัติตาม โดยได้น้อมนำมาจัดทำเป็น “ยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏ” ที่มีส่วนร่วมในการสร้างความมั่นคงของชาติ ด้วยการยกระดับคุณภาพการศึกษา และ พัฒนาท้องถิ่น ตลอดจนพัฒนาครูและโรงเรียนให้มีคุณภาพ ตามพระราชดำริ “การศึกษาคือความมั่นคงของประเทศ” โดยเน้นด้านการพัฒนาท้องถิ่นเป็นพิเศษ ให้ทุกสถาบันทำงานเข้าถึงประชาชน พร้อมรับทราบปัญหาความต้องการ เพื่อนำมาวิเคราะห์หาทางช่วยเหลือแก้ไข และปรับตัวให้เหมาะสมตามสถานการณ์และประเพณีของท้องถิ่น และในปีอันเป็นมงคลนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม มีอายุครบรอบ 88 ปี อีกด้วย
ต่อจากนั้น ศาสตราจารย์วุฒิสาร ตันไชย นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม กล่าวคำถวายราชสดุดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ความว่า เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม “ราชภัฏ” และพระราชทานตราพระราชลัญจกรประจำพระองค์ ให้แก่มหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศเพื่ออัญเชิญมาเป็น “ราชภัฏสัญลักษณ์” อันทรงศักดิ์ยิ่ง ซึ่งปวงข้าพระพุทธเจ้า ได้ยึดถือ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันสถาปนามหาวิทยาลัยราชภัฏ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในวโรกาสมงคลที่เวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่ง กอปรกับพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ นับตั้งแต่ทรงดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จนถึงรัชสมัยของพระองค์ในกาลปัจจุบัน
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ขอแสดงออกถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ จึงนำ สภามหาวิทยาลัย พร้อมด้วยผู้บริหาร คณาจารย์ นักเรียน นักศึกษา อดีตผู้บริหารมหาวิทยาลัย และศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม จำนวน 1,000 คน ร่วมถวายราชสดุดี และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าฯ ทั้ง 2 พระองค์ ในมหามงคลนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จะขอตั้งมั่นและน้อมนำพระราชปณิธาน ด้วยความตั้งใจปฏิบัติราชการเพื่อยังประโยชน์สุขของประชาราษฎร ธำรงไว้ซึ่งความดี มีศักดิ์มีศรี แห่งมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม อีกทั้งจะนำพามหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ให้เจริญรุ่งเรืองประกาศเกียรติคุณแผ่ไพศาล สมนามพระราชทานมหาวิทยาลัยราชภัฏ และเชิดชูบูชาตราพระราชลัญจกร อันเป็นราชภัฏสัญลักษณ์ ให้สืบไป
ในการนี้ เจ้าประคุณ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ได้กล่าวธัมโมวาทในการพิธีทำบุญวันสถาปนามหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ปีที่ 88 ความว่า ขอแสดงกัลยาณธรรม ต่อท่านพระเถรานุเถระทุกรูป ซึ่งมีท่านเจ้าคุณ พระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าคณะภาค 14 เป็นต้น ขออำนวยพร ต่อท่านผู้บริหาร คณาจารย์ นักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมทุกท่าน ซึ่งมี ศาสตราจารย์วุฒิสาร ตันไชย นายกสภามหาวิทยาลัย และอาจารย์ ดร.วิรัตน์ ปิ่นแก้ว อธิการบดี เป็นต้น
ในมงคลโอกาสพิธีทำบุญวันสถาปนามหาวิทยาลัย ปีที่ 88 นี้ ขอปรารภสารัตถธรรม เพื่อเป็นธรรมบรรณาการแก่ผู้บริหาร คณาจารย์ และนักศึกษาทั้งหลาย โดยสังเขป
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม มีปรัชญาในการสร้างปัญญาและจัดการการศึกษา ให้สำเร็จแก่ผู้เรียนและแก่สังคมส่วนรวมทั่วไป ด้วยปรัชญาที่ว่า “การศึกษาสร้างคน คิดค้นภูมิปัญญา พัฒนาท้องถิ่น” สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาจารย์ ทรงประทานหลักการอบรมสติ ให้บริสุทธิ์ สะอาด ปราศจาก “มิจฉาสติ” ไม่วิปริตบกพร่อง พัฒนาให้เป็น “สัมมาสติ” ที่ถูกต้องจนบังเกิด “อัปปมาทธรรม” คือ “ความไม่ประมาท” ขึ้นใน “ปัญญา”
สมเด็จพระบรมศาสดา ได้ตรัสรับรองไว้ว่า ธรรมทั้งหลาย สรุปลงอยู่ใน “อัปปมาทธรรม” คือ “ความไม่ประมาท” เกื้อกูลให้เกิด “สัมมาปัญญา” ฉะนั้น เมื่อกล่าวถึงธรรมะทั้งหลายในพระพุทธศาสนา จึงสรุปหมายถึง “ปัญญา” ซึ่งตรงกับหลักวิทยาศาสตร์ สามารถยังผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ มิให้ตกไปสู่ที่ชั่วให้ได้รับผล สมกับการปฏิบัติ คือ ให้พ้นทุกข์ ประสบสันติสุขสวัสดี ได้อย่างแท้จริง ซึ่ง “ปัญญา” จะเกิด และสามารถยังปุถุชนคนธรรมดา ให้เป็น “บัณฑิต” ได้ ก็เฉพาะผู้ต้องการ ปัญญา รู้ปลูกจิตสำนึกของตน โดยการปลูก 4 ปลูก คือ
หนึ่ง ปลูกรัก ความเต็มใจใฝ่ศึกษา ในวิชาที่ตนรักหนักเบาสู้
“สุ.จิ.ปุ.ลิ.” เพ่งพินิจศิษย์มีครู เรียนให้รู้ สู้อย่าถอย อย่าปล่อยใจ
สอง ปลูกขยัน หมั่นเพียร เวียนค้นคว้า ในวิชาทุกกระทงที่สงสัย
ทุกอุปสรรค ทุกข์ลำบาก ยากเพียงใด เมื่อผ่านมัน คือบันไดแห่งปัญญา
สาม ปลูกใจ ในยามที่ เราไขว้เขว อย่ารวนเร มุ่งจุดหมายที่ปรารถนา
อยากรอบรู้ เราจึงเพียร เรียนวิชา ต้องใจจ่อ อย่าชะล่า ต้องเพ่งพินิจ
สี่ ปลูกตรวจ วิชาใด ด้อยดีเด่น ด้อยต้องเน้น ให้ถึงขั้น “เป็นบัณฑิต”
ที่ดีเด่น ทั้ง “วิชา” “ปัญญา” มิตร พึง “ใช้สติ” “โดยสุจริต” โลกชื่นชม
จะเห็นได้จาก “ผู้เชี่ยวชาญวิชา” คือเรียนเก่ง ทำงานเก่ง และ “ผู้มีไหวพริบทางปัญญา” คือฉลาดรู้ใน “โลกิยวิชา” หรือมี “โลกิยปัญญา” แต่ “ขาดสติ” ก็จะกลายเป็นคน “รู้ไม่ดี” หรือ “ฉลาดแกมโกง” ก็จะนำเอาวิชาความรู้ หรือนำเอาความฉลาดแบบมีเล่ห์เหลี่ยม ไปหลีกเลี่ยงพลิกแพลง ทำทุจริตมิจฉาชีพ ชนิดไม่ผิดกฎหมาย แต่ผิดศีลธรรม เข้าลักษณะตรงกับพุทธภาษิตว่า ทุวิชาโน ปราภโว ผู้รู้ชั่วเป็นผู้เสื่อม แต่ถ้าตรงกันข้าม ผู้รู้ดี คือมีปัญญาดี และมีสติสมบูรณ์ อยู่ในกรอบแห่งกฎหมายและศีลธรรมอันดี ก็ได้ชื่อว่า เป็น “ผู้รู้ดีแท้” ตรงตามพุทธภาษิตที่ว่า สุวิชาโน ภวํ โหติ ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ
ขอให้ผู้บริหาร คณาจารย์ นักศึกษาทุกท่าน ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท อย่าอยู่ปราศจากสติปัญญา ในการดำรงชีวิต ในการประกอบสัมมาชีพ ในการปฏิบัติหน้าที่ การงาน ด้วยสุวิชาความรู้ ความฉลาด เต็มความสามารถ และยึดมั่นในคุณงามความดีโดยสุจริต เพราะความรู้ ความฉลาด ความสามารถ และคุณงามความดีโดยสุจริตนั้น เป็นยอดแห่งความปรารถนาของทุกคน และเป็นเหตุแห่งความเจริญสุขสวัสดี ในที่ทุกสถาน ตลอดกาลทุกเมื่อ
ขออนุโมทนาในกัลยาณจิต ของผู้บริหาร คณาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมทุกท่าน ขอเชิญชวนให้ทุกท่านร่วมกัน ในการสร้างสังคมด้วยการสื่อสารตามหลักสัมมาวาจา และสัมมาปัญญา บูรณาการหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ซึ่งจักเป็นจัดการศึกษาและผลิตบัณฑิตที่สมบูรณ์ยิ่ง
ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และพระพุทธศรีทวารวดีสิริราชภัฏ ได้อภิบาลประทานพรชัย ให้ผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากรทางการศึกษา และนักศึกษาทุกท่านมีความเจริญรุ่งเรือง ร่มเย็นเป็นสุขสวัสดี ภายใต้ร่มบารมีธรรม แห่งสถาบันชาติ สถาบันพระพุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดกาลเป็นนิตย์ เทอญ