เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 สิงหาคม 2561 พลตำรวจตรี คำรณ บุญเลิศ ผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ได้มอบหมายให้ พันตำรวจเอก ปิติ นฤขัตรพิชัย รองผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ประสานกำลังร่วมกับ ปปส.ภาค 7 โดยมีนายวรเชษฐ สัจจาลักษ์ ผู้อำนวยการ ส่วนอำนวยการบังคับใช้กฎหมาย ปปส.ภาค 7 กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร กส.ทบ. ควบคุมกำลังและนำการปฏิบัติโดยพันโท อรรณพ ชอบประดิษฐ์ ผบ.ร้อย รส.จังหวัดนครปฐม พันตำรวจเอก ไพบูลย์ แพรสีนวล ผู้กำกับสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม พันตำรวจเอกพงษกร อุปพงษ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสามพราน พันตำรวจโท สุรชัย สุรชัย ยติรัตนกัญญ รองผู้กำกับ สืบสวนตำรวจภูธร จังหวัดนครปฐม พันตำรวจโท ยงลิต ศุภผล รองผู้กำกับสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจปปส.ฯ ทหาร และปกครอง ประมาณ 100 นาย ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้นสถานประกอบกิจการขนส่งสินค้าหรือพัสดุภัณฑ์ “โลจิสติกส์” (สถานีขนส่งสินค้าภาคใต้ พุทธมณฑลสาย5)ตำบลบางเตยอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม โดยการสุ่มตรวจ ที่ทำการ พนักงาน จำนวน 5 เป้าหมาย พบผู้เสพสารเสพติดจำนวน 5 รายครอบครอง ยาเสพติดยาบ้า 1 ราย 1 คน ผู้ต้องหารวม 6 คน
หลังการปฏิบัติ ได้ เชิญผู้ประกอบการผู้แทนผู้ประกอบการมาร่วมประชุม ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบกิจการขนส่งสินค้าหรือพัสดุภัณฑ์ให้ตระหนักถึงปัญหา เรื่องยาเสพติด พิษภัยของยาเสพติด อัตราโทษตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยให้แนะนำผู้ฝากสินค้าหรือพัสดุภัณฑ์และผู้รับสิ่งของ ให้ทราบว่า ยาเสพติดเป็นสิ่งผิดกฎหมายและต้องห้ามในการขนส่งโดยเด็ดขาดซึ่งสิ่งของที่เกี่ยวข้องอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีตามกฎหมายรวมทั้งการยึดทรัพย์ ต่างๆของผู้ที่เกี่ยวข้องที่อาจเข้าข่ายให้การสนับสนุน ตามกฎหมายประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับที่ 5 พ. ศ. 2558 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ ส่วนผู้ที่กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการส่งตัวไปยังที่ทำการของ ส่วนท้องที่ สอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเข้าปิดล้อมตรวจค้น สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย 5 ครั้งนี้ พบว่ามีผู้ประกอบกิจการขนส่งสินค้าหรือพัสดุภัณฑ์ที่รับสินค้าทุกชนิดที่มีผู้ฝากทั้ง ในรูปของ บุคคลเอกชนและบริษัทรับขนส่งสินค้า ทุกภาคจะภาคเหนือเพื่อส่งไปภาคใต้ภาคอีสานและภาคใต้เพื่อส่งมายังภาคกลางแล้วส่งต่อและอื่นๆจำนวนหลายบริษัท ซึ่งสถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย 5 เป็นจุดใหญ่ จุดหนึ่งของประเทศที่เป็นจุดศูนย์กลางที่จะมีสินค้าของแต่ละภาคส่งมาเพื่อกระจายต่อไปยังผู้รับ ในแต่ละวันจะมีรถบรรทุกทั้งขนาดเล็กขนาดกลางและขนาดใหญ่เข้ามารับและส่งสินค้าเพื่อกระจายไปยังผู้รับต้นทางปลายทางจำนวน หลายร้อยคัน
พันตำรวจเอก ปิติ นฤขัตรพิชัย รองผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ในส่วนของตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า ซึ่งที่ผ่านมา จะพบเห็นในข่าวอยู่บ่อยครั้งว่า ขบวนการค้าของผิดกฎหมายโดยเฉพาะยาเสพติด จะใช้ระบบการขนส่งของเอกชนเป็นช่องทางสำคัญช่องทางหนึ่ง ในการขนยาเสพติดซึ่งสามารถหลุดรอดรอดพ้นสายตาเจ้าหน้าที่มาได้บ่อยครั้ง และถูกตรวจพบจับกุมตรวจยึดไว้จำนวนไม่น้อยก็บ่อยครั้งที่ผ่านมา ตามเส้นทาง ดังนั้น การที่เจ้าหน้าที่ 4 ฝ่าย ทั้งตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม เจ้าหน้าที่จากสำนักงานปราบปรามยาเสพติดส่วนของภาค 7 เจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ปกครอง ได้สนธิกำลังกันเข้าปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ ถือเป็นการป้องปรามให้ส่วนเกี่ยวข้องในการรับส่งสินค้าต้องมีข้อมูลหลักฐานผู้ส่งต้นทางและผู้รับปลายทางให้ชัดเจนสามารถติดตามพบตัว ได้ทั้งผู้รับและผู้ส่งหากพบว่าสิ่งของที่ส่งนั้นเป็นสิ่งของผิดกฎหมายโดยให้ปฏิบัติตาม ข้อบังคับของนายกรัฐมนตรี ตามประกาศ หากบริษัทหรือผู้รับฝากสินค้ารายใดไม่ปฏิบัติตามหากมีการตรวจพบ จะต้องถูกดำเนินคดีและถูกลงโทษ ตามบทลงโทษที่กำหนดไว้อย่างเด็ดขาด ทั้งหลายทั้งปวงก็เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง…