วันที่ 3 ส.ค.66 นายกองโทเชษฐา ขาวประเสริฐ นายอำเภอบางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี พร้อมด้วย นายมีโชค นัฏสถาพร โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสุพรรณบุรี นายจตุพร อุ่นวิจิตร ส.อบจ.สุพรรณบุรี เขต 3 อ.บางปลาม้า นางนุชจรินทร์ อุ่นวิจิตร กำนันตำบลบ้านแหลม และนายสมพร รัศมี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.บ้านแหลม ลงพื้นที่ตรวจสอบเนื่องจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมเขื่อนกั้นดินแม่น้ำท่าจีนแถบทิศใต้ของวัดศุขเกษม มีปัญหาเรื่องการสัญจร เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ตาบอด ต้องอาศัยพื้นที่ของเอกชนในการสัญจรเข้าออก เกรงว่าต่อไปในอนาคตเศรษฐกิจที่ขายตัวอาจทำให้ที่ดินเอกชนดังกล่าวอาจจะเปลี่ยนมือไปเรื่อยๆ จึงอาจจะมีปัญหากับประชาชนที่อยู่ดั้งเดิม
นายเชษฐา ขาวประเสริฐ นายอำเภอบางปลาม้า กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นชุมชนเดิม และยังเป็นพื้นที่ตาบอดที่ใช้การสัญจรทางแม่น้ำท่าจีนเป็นหลัก จึงไม่มีทางออกไปถนนใหญ่ซึ่งห่างถนนใหญ่ประมาณ 100 เมตร ซึ่งปัจจุบันใช้ที่เอกชนในการเข้าออก และเกรงวันว่าวันข้างเอกชนอาจจะมีการพัฒนาพื้นที่จึงต้องเตรียมการพัฒนาให้ชาวบ้านกว่า 20 ครัวเรือนมีทางออก ที่ไม่ต้องผ่านที่ดินของเอกชนรายอื่น ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ช่วยเหลือประชาชนในเรื่องความเดือดร้อนในการสัญจรไปมาทั้งนี้จะใช้พื้นที่ริมเขื่อนข้างวัดศุขเกษม ทำเป็นถนนทางเข้าเลียบเขื่อนกั้นแม่น้ำท่าจีน ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร เพื่อให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ได้มีถนนเข้าออกในระยะยาว เรื่องนี้เป็นความเดือดร้อนของประชาชนในการเข้าออก จึงเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ทางราชการและท้องถิ่นต้องร่วมมือกัน โดยทางอำเภอได้ประสานกับผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ให้สำรวจแนวเขต เพื่อดูว่าตรงไหนที่ล้ำเขตของชาวบ้าน จะได้ดำเนินการขออุทิศที่ดินไว้แต่เนิ่นๆ ให้ผู้ใหญ่บ้านประสานกับเทศบาลตำบลบ้านแหลมพัฒนา เมื่อรับเรื่องทางเทศบาลจะดำเนินการเขียนแบบคร่าวๆเบื้องต้นว่าจะสามารถที่จะดำเนินโครงการเพื่อที่จะขอประมาณปี 67-68ได้ จากนั้นจะส่งให้สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสุพรรณบุรี ประมาณการของบประมาณดำเนินการต่อไป
ด้านนางสายัณห์ ปิ่นทอง อายุ 60 ปี กล่าวว่าพวกตนเดือดร้อนมากเรื่องการเข้าออก เพราะอยู่ในพื้นที่ตาบอด ทราบว่ามีหน่วยงานมาสำรวจเพื่อจะทำเข้าออกให้ทุกคนดีใจมาก เพราะมีกว่า 20 หลังคาเรือนที่เดือดร้อน ต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ ที่ผ่านมาลำบากมากจริงๆ