ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสํานักงาน ตํารวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยการหลอกลวงประชาชนจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งถือเป็นการกระทําที่ ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน
กองบัญชาการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) โดยพล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ให้ความสําคัญในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว ได้กําชับสั่งการให้ทุกกองบังคับการในสังกัด เร่งดําเนินการปราบปรามจับกุม ผู้กระทําผิดมาดําเนินคดีตามกฎหมายโดยใหม้ีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง
วันนี้ (5 พฤษภาคม 2566) เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คําชํานาญ รอง ผบช. สอท., พล.ต.ต.อํานาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ฐายุฏฐ์ จันทร์ถาวร รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท. , ผบก.สอท.1 , พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. , พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตํารวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวกรณีเปิดปฏิบัติการ ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีพฤติการณ์การกระทําผิด และผลการปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
สืบเนื่องมาจากได้มีผู้เสียหายเป็นนักธุรกิจถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงว่าเป็นพนักงานบริษัทขนส่ง FedEx มีพัสดุผิด กฎหมายส่งจากต่างประเทศติดที่กรมศุลาการไดร้ ะบุชื่อที่พัสดุเป็นชื่อนามสกุลผู้เสียหาย มีความเกี่ยวข้องกับการกระทําผิดฐานฟอกเงิน จึงหลงเชื่อโอนเงินไปจํานวนกว่า 42 ล้านบาท ภายหลังทราบว่าถูกหลอกลวงจึงได้ดําเนินการแจ้งความร้องทุกข์ผ่านระบบการรับ แจ้งความออนไลน์ให้เจ้าหน้าที่ตํารวจสืบสวนหาตัวผู้กระทําผิดมาดําเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตํารวจสังกัดบก.สอท.1 จึงได้ทํา การสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเส้นทางการเงิน หาความเชื่อมโยงทางคดี กระทั่งเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2565 พนักงานสอบสวนได้ยื่นคําร้องขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ได้
ต่อมาเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2566 เวลาประมาณ 14.30น. เจ้าหน้าที่ตํารวจสังกัดบก.สอท.1 ได้จับกุมตัว นายสุรเกียรติ ขอสงวนนามสกุล อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2297/2565 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2565 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น,ร่วมกันเป็นอั้งยี่,ร่วมกันเป็นซ่องโจร,ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,ร่วมกัน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน” ที่ตําบลศาลากลาง อําเภอบาง กรวย จังหวัดนนทบุรีจากการสอบปากคําผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้การอีกว่าผู้ต้องหาได้หางานผ่านเฟสบุ๊ค พบว่ามีรับสมัครงานเป็นแอดมินเว็บพนัน จึงได้ติดต่อขอทํางานไป และได้เดินทางไปทํางานที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา เมื่อไปถึงพบว่า เป็นอ๊อฟฟิตแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยเฉพาะ มีนายทุนเป็นคนจีน ผู้ต้องหาจึงตกลงทํางานด้วยโดยทําหน้าที่หลอกลวงเป็นสายที่ 1 พนักงาน FedEx มีสคริป(บท)ให้ท่องหลอกลวงว่า“คุณมีพัสดุตกค้างของขนส่ง FedEx มีหมายเลขพัสดุหรือไม่ ถ้าไม่มีให้แจ้งชื่อนามสกุลเมื่อ ผู้เสียหายหลงเชื่อแจ้งชื่อนามสกุลแล้ว พนักงานจะตรวจสอบสักครู่หนึ่ง เมื่อตรวจสอบเสร็จจะแจ้งว่าพบพัสดุผิดกฎหมายถูกกรม ศุลกากรอายัดไว้โดยส่งมาในชื่อนามสกุลคุณ ต่อมาจะถามผู้เสียหายว่าเป็นคนส่งหรือไม่ ถ้าตอบ ไม่ ให้ถามต่อว่าทําไมมีชื่อคุณเป็นคน ส่ง ถ้าตอบ ไม่ทราบ ให้แจ้งผู้เสียหายว่ามีการแอบอ้างในการใช้ชื่อคุณมาส่งพัสดุ ให้ผู้เสียหายเดินทางมาที่สาขา FedEx สะดวก หรือไม่ ถ้าไม่สะดวกให้ติดต่อไปที่สถานีตํารวจ จะช่วยประสานงานให้” จากนั้นเมื่อเหยื่อหลงเชื่อ จะกดต่อสายส่งไปที่สคริปคนต่อไป สายที่ 2-3 จนถึงขั้นตอนที่ผู้เสียหายโอนเงิน โดยทํางาน08.00-16.00น. ได้เงินเดือนเดือนละ 20,000 บาท ถ้าทํายอดได้สูงจะได้เดือน ละ30,000 บาท และมีโบนัสอีก 0.1% จากยอดเงินที่หลอกได้ ผู้ต้องหาทํามา 5 เดือนเศษก็กลับบ้านเพราะเก็บเงินได้จํานวนหนึ่งแล้ว
ฝากไปยังประชาชนให้พึงระวังการหลอกลวงลักษณะดังกล่าว ต้องรู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพ ควรมีสติก่อนการโอนเงินทุกครั้ง ควรหาข้อมูลให้รอบด้าน อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ ควรตรวจสอบให้ดีก่อน “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” ทั้งนี้ การปฏิบัติการของ บช.สอท. ยังคง มุ่งเน้นที่จะสนองนโยบายของรัฐบาล และสํานักงานตํารวจแห่งชาติ เร่งดําเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทําความผิดอย่างจริงจัง และ ต่อเนื่อง มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม คํานึงถึงความเดือดร้อน และอํานวยความยุติธรรมของประชาชนเป็นสําคัญ