เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 ที่ ห้องประชุมอาคารเฉลิมพระเกีรยติ 84 พรรษามหาราชาวัดไร่ขิง พระอารามหลวง อ.สามพราน จ.นครปฐม
พระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าคณะภาค 14 เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง เป็นองค์ประธานการประชุมพิเศษ พร้อมด้วยพระราชวชิรโมลี รองเจ้าคณะภาค 14 นายปราณสุวีร์ อาวอร่ามรัศมิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดนครปฐม และคณะพระวินยาธิการ ภาค 14 ที่แต่งตั้ง เข้าร่วมรับมอบนโยบาย ตามที่เจ้าคณะภาค 14 ได้มีคำสั่งให้คณะพระวินยาธิการ ในภาค 14 ที่แต่งตั้งขึ้นมาจำนวน 55 รูปในครั้งนี้เป็นชุดเคลื่อนที่เร็ว ที่จะไปช่วยวินิจฉัย แก้ไขข้อขัดข้อง ระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียน ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 เข้าร่วมกันประชุม เนื่องจากที่ผ่านมาข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับพระสงฆ์ที่ความประพฤติที่ไม่เหมาะสมได้ถูกเผยแพร่ออกสู่สังคม ไม่ว่าจะผิดหรือถูก ก็ถูกสังคมติเตียนอยู่บ่อยครั้ง ทำให้คณะสงฆ์มัวหมองและการบริหารงานจึงจำเป็นต้องทันเหตุการณ์ รับทราบข้อมูลข่าวสารโดยเร็ว รวมทั้งสื่อโซเชียลและในสื่อต่างๆ โดยคณะสงฆ์ภาค 14 ได้แต่งตั้งคณะพระวินยาธิการ ในภาค 14 จำนวน55 รูปในครั้งนี้ ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีและเป็นแห่งแรกของประเทศที่จะนำไปเป็นแบบอย่างให้ทุกๆภาคนำไปใช้ ต่อยอดในการที่จะกำจัดมารศาสนา และอภิบาลพระสงฆ์ที่ถูกย่ำยี
ตามคำสั่งเจ้าคณะภาค 14ที่ 3/ 2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการช่วยวินิจฉัย แก้ไขข้อขัดข้อง ระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียน ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 โดยมี เจ้าคณะจังหวัดแต่ละจังหวัดเป็นประธาน มี จังหวัดนครปฐมจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดสมุทรสาคร
ในส่วนของคณะทำงานคณะสงฆ์ภาค 14 โดยมี พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม ได้รับแต่งตั้ง เป็นประธานคณะทำงาน และมีเลขาและคณะทำงาน ใน 4 จังหวัดรวม 55 รูปเพื่อให้การวินิจฉัย แก้ไขข้อขัดข้อง ระงับเหตุและแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 เป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีประสิทธิภาพ เกิดผลดีทั้งทางโลก และทางธรรมแก่การคณะสงฆ์ อาศัยอำนาจตามความในกฎุมหาเถรสมาคม ฉบับที่23(พ.ศ.2541) ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ ข้อ10(1) (3) และ (5) จึงตั้งคณะกรรมการดำเนินการช่วยวินิจฉัยแก้ไขข้อขัดข้อง ระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียน ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14
ทางด้านหลวงพี่น้ำฝนได้กล่าวว่าอาตมาได้รับความไว้วางใจจากพระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าคณะภาค14 ให้เป็นประธานคณะทำงานในครั้งนี้ อาตมา พร้อมรับสนองงาน ซึ่งจะได้ร่วมกับทนายกองทัพธรรม และคณะศิษย์ ที่มีความรู้ ความสามารถในหลายๆด้านเข้ามาช่วยงานคณะสงฆ์ เพื่อไม่พระสงฆ์ที่ไม่มีความผิดถูกรังแก และเอาพระสงฆ์นอกรีดออกพ้นจากพระพุทธศาสนา และหลังได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ถือว่าเป็นการเดินหน้าเพื่อดูแลความเรียบร้อยในคณะสงฆ์ทั้ง 4 จังหวัด โดย มีหน้าที่เฝ้าระวัง ติดตาม ระงับและแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียน ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค14 เพื่อระงับเหตุให้ยุติโดยเร็ว ในการปฏิบัติหน้าที่ให้ปฏิบัติให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย กฎหมาย กฎมหาเถร–สมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง มติ ประกาศ และพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช หรือตามคำสั่งเจ้าคณะภาคแล้วแต่กรณี ด้วยการบูรณาการร่วมกับเจ้าคณะผู้ปกครอง พระวินยาธิการ หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าของพื้นที่ ที่เกิดอธิกรณ์ และให้รายงานเจ้าคณะภาคเพื่อทราบและสั่งการเป็นลำดับชั้น ซึ่งยังรวมถึงกลุ่มที่มีการแฝงตัวเข้ามาหาผลประโยชน์ในวงการสงฆ์ที่มีไม่น้อยในปัจจุบัน “คณะสงฆ์ได้รับความบอบช้ำมามากแล้ว จากหลายเหตุการณ์ ซึ่งมีประเด็นที่สังคมให้ความสนใจเกี่ยวกับวงการสงฆ์ หลายเรื่องยังไม่มีการตัดสินแต่สังคมได้มองว่าพระผิดไปแล้วและไม่มีการแก้ข่าวหรือนำข้อเท็จจริงมานำเสนอ ซึ่งอาตมาเองก็เจอมากับตัวหลายครั้งแต่ที่สำคัญปัญหานี้จะแก้ได้ด้วยการที่เจ้าอาวาสต้องไม่ปกป้องพระภิกษุสงฆ์ที่กระทำผิด ซึ่งเป็นปัญหาที่สะสมมานานและสะสางปัญหาไม่ได้ ซึ่งอาตมาก็ได้ศึกษาเรียนรู้กระบวนการในสังคม โดเฉพาะในเรื่องสังคมออนไลน์ และในข้อกฎหมาย ซึ่งเป็นจุดบอดในวงการสงฆ์ โดยมีคณะทำงานที่จะสนับสนุนการทำงาน และเชื่อว่าในอนาคตคำสั่งนี้จะเป็นต้นแบบในการปกครองกับคณะสงฆ์ต่อไปทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้มีขั้นตอนในการเฝ้าพิทักษ์พระพุทธศาสนาในบ้านเราด้วย” หลวงพี่น้ำฝน ได้กล่าว