เมื่อเวลา 15.12 น.วันที่ 5 สิงหาคม 2561 ที่หน้าสำนักงานนิติบุคคล อาคารชุดบ้านเอื้ออาทร ท่าตำหนัก 1-2 ตำบลท่าตำหนัก อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม พล.ต.ต.คำรณ บุญเลิศ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ชูนาค รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.สีหเดช สระกอบแก้ว ผกก.สภ.นครชัยศรี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ประกอบด้วย พ.ต.ท.นิคม ชัยเจริญ รอง ผกก.สภ.นครชัยศรี พ.ต.ท.พิษณุ เชิดโฉม สว.สส.สภ. นครชัย ร.ต.อ. ภัทร บุญอารักษ์ รอง สว สส.สภ.นครชัยศรี ร.ต.ท.โฆษิต เจริญสุข รองสว.สส.ฯ, ร.ต.ท.พุฒิวัชร์ ทิมแสง
จันทร์ รอง สว.สส.ฯ พร้อมพวก และ พนักงานสอบสวนในคดี ร่วมกันนำตัวนายพิธี บุญทวี อายุ 39 ปี ที่จับกุมได้พร้อมของกลางนับพันรายการที่บ้านเลขที่ 52/2 หมู่ 1 ต.ท่ากระชับ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม มานำชีสทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่เกิดเหตุที่อาคารชุดเอื้ออาทร ท่าตำหนัก ตำบลท่าตำหนัก อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม โดยมีผู้เสียหายที่พักอาศัยอยู่ภายในอาคารชุดเอื้ออาทรดังกล่าวหลายรายมาดูตัวผู้ต้องหา พร้อมทั้งมาตรวจสอบทรัพย์สินที่ถูกคนร้ายโจรกรรม ไป หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสามารถ ตรวจยึดติดตามคืนมาได้
พล.ต.ต.คำรณ บุญเลิศ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ชูนาค รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม และ พ.ต.อ.สีหเดช สระกอบแก้ว ผกก.สภ.นครชัยศรี เผยถึง คดีดังกล่าว เท่าที่เปิดเผยได้ตามระเบียบว่า ด้วยช่วง ระยะเวลาประมาณ 1 ปี ที่ผ่านมาได้มีเหตุคนร้ายเข้างัดแงะโจรกรรมทรัพย์สินภายในห้องพัก อาคารเอื้ออาทร ท่าตำหนักไปนับ 10 ราย โดยทรัพย์สินที่สูญหายส่วนใหญ่จะเป็นทรัพย์สินจำพวกพระเครื่อง เครื่องประดับ สร้อยแหวนนาฬิกา กระปุกออมสินคอมพิวเตอร์ Notebook และอื่นๆ ซึ่งเป็นทรัพย์สินขนาดเล็กที่คนร้ายสามารถซุกซ่อนไปในตัวหรือกระเป๋าถือหรือกระเป๋าสะพายได้ สร้างความเดือดร้อนหวาดวิตก ของผู้อยู่อาศัยภายในอาคารชุดเอื้ออาทรดังกล่าว เป็นอย่างมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจภูธรนครชัยศรี ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายไว้หลายราย และได้มีการสืบสวนติดตาม หาคนร้ายตลอดมา
ต่อมาเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2561 เวลาประมาณ 22.00 น. เจ้าหน้าที่ ตำรวจสถานีตำรวจภูธ นครชัยศรี ได้รับแจ้งจากนางอัญชลี น้อยประชา อายุ 31 ปี ซึ่งพักอยู่ภายในหมู่บ้านเอื้ออาธรท่าตำหนัก ห้องเลขที่ 53/26 ชั้น 4 ตึก 1 ม.1ต.ท่าตำหนัก อ.นครชัยศรีฯ ว่า เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2561ไม่ทราบเวลาที่แน่นอน ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ได้เข้ามาลักพระเครื่องไปจำนวนหนึ่ง , กระปุกออมสินหมี และ คอมพิวเตอร์พกพา 1 เครื่อง ภายในห้องพัก โดยคนร้ายได้งัดกระจกบานเกล็ดแล้วล้วงเข้าไปเปิดกดล็อคประตูลูกบิดเข้าไปลักทรัพย์สินดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงไปตรวจที่เกิดเหตุ จากการตรวจที่เกิดเหตุพบว่า คนร้ายได้งัดถอดบานเกร็ดแล้วล้วงมือไปเปิดประตูจากด้านใน แล้วเข้าไปก่อเหตุจึง จึงประสานส่วนเกี่ยวข้องมาเก็บรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และอื่นๆพร้อมทั้ง ออกสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้าย
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดหน้าตึก 1 เวลาประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 3 สิงหาคม 2561 พบคนร้ายเป็นชายสวมเสื้อยืดสีโทนขาวกางเกงขายาวสีน้ำตาลเดินขึ้นไปบนตึก 1 ต่อมาเวลาประมาณ 15.15 น. ของวันเดียวกันคนร้ายคนเดิมได้เดินลงจากตึกพร้อมด้วยถือกระเป๋าสีดำ ซึ่งผู้เสียหายที่ร่วมดูกล้อง ยืนยันว่ากระเป๋าที่คนร้ายถือลงมาดังกล่าวนั้นเป็นกระเป๋าใส่คอมพิวเตอร์พกพาของตน จากนั้นคนร้ายได้ใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น ซูมเมอร์เอ็ก สีขาว ทะเบียน 3กด 9060 กทม. ขับขี่หลบหนีผ่านหน้าป้อมยามทางออกของหมู่บ้านเอื้ออาทร กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายและเลจทะเบียนรถได้ จากการตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้เป็นยานพาหนะ พบว่า มีนายพิธี บุญทวี เป็นผู้ครอบครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ออกสืบสวนติดตามตัวนายพิธีฯ จนทราบว่านายพิธีฯ พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 52/2 หมู่ 1 ต.ท่ากระชับ อ.นครชัยศรีฯ ซึ่งเป็นบ้านของภรรยา
ต่อมาวันที่ 4 สิงหาคม 2561 เวลาประมาณ 17.00 น.เจ้าหน้าที่ตพรวจ ได้เดินทางไปตรวจสอบยังบ้านพักดังกล่าว พบนายพิธีฯ อยู่ภายในบ้าน จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้น พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น ซูมเมอร์เอ็ก สีขาว ทะเบียน 3กด 9060 กทม. ซึ่งตรงกับที่กล้องวงจรปิดที่ป้อมยาม หมู่บ้านเอื้ออาทรบันทึกภาพไว้ได้ เสื้อยืนคอกลมแขนสั้นสีเทากางเกงขายาวสีน้ำตาล รองเท้าผ้าใบสีกรมท่าจำนวน 1 คู่ เสื้อคลุมแขนยาวแถบขาวยี่ห้อ adidas ซึ่งตรงตามที่ภาพวงจรปิด สามารถบันทึกภาพไว้ได้ จึงเชิญตัวในพิธี ไปซักถาม จากการสอบสวนขยายผล นายพิธีฯ รับว่า ตนเองได้เข้าไปลักทรัพย์ภายในห้องพักชั้น 4 ตึก 1 หมู่บ้านเอื้ออาทรฯ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2561 เวลากลางวันจริง ได้ทรัพย์สินไปเป็น โน้ตบุคจำนวน 1 เครื่อง , พระเครื่องจำนวนหนึ่ง และเศษเหรียญบรรจุในกระปุกออมสินหมี และยังรับอีกว่า ตนได้เคยก่อเหตุลักทรัพย์ภายในหมู่บ้านเอื้ออาทรนี้มาแล้วประมาณ 12 ครั้ง (เท่าที่จำได้) พร้อมได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจค้นห้องเก็บของสวนตัวที่ โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง เขตท้องที่ หมู่ 6 ตำบลธรรมศาลา อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ที่ตนเป็นครูสอน ภาษาไทยอัตราจ้างอยู่ ซึ่งตนได้ซุกซ่อนทรัพย์สินที่ได้ไปลักมาทั้งหมดไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้กลางซึ่งพบ ทรัพย์สินที่ในพิธีโจรกรรมได้มาส่วนใหญ่เป็นพระเครื่องและอื่นๆประมาณ 1,000 รายการ จึงจับกุมตัวนายพิธีฯ ไว้เป็นผู้ต้องหาและแจ้งข้อกล่าวหานายพิธีฯในฐานความผิด “ลักทรัพย์ในเคหะสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อ สะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือให้พ้นจากการจับกุมหรือรับของโจร”
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจัยกุมยังทำการสืบสวนขยาย ผลจนทราบอีกว่าในวันที่ 3 สิงหาคม 2561 วันเดียวกันนั้นนายพิธีฯ ยังได้เข้าไปลักทรัพย์ห้องพักของผู้เสียหาย ไปอาคารเอื้ออาทรท่าตำหนัก ซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกันกับจุดแรก อีกจำนวน 2 ห้อง ได้ทรัพย์สินไปอีกจำนวนหนึ่ง ได้แก่ 1.ไอแพดพร้อมที่ชาร์ท 2.สร้อยคอพร้อมพระ จำนวน 1 เส้น อีกทั้ง นายพิธีฯยังรับสารภาพอีกว่า ยังเคยลักทรัพย์สินมีค่า ของนักเรียนที่โรงเรียน พี่ตนเป็นครูสอนภาษาไทยอีกด้วย โดยเอาไปจำนำไว้ โดยมีตั๋วจำนำ ที่ชุดจับกุมได้ตรวจค้นบ้านพักพบ เป็นหลักฐาน สำหรับมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุ นายพิธีฯอ้างว่าเพื่อนำเงินมาจ่ายดอกหนี้เงินกู้นอกระบบให้กับนายทุนประมาณร้อยละ 20 ทั้งรายวันและ รายเดือน
พล.ต.ต.คำรณ บุญเลิศ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ชูนาค รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม และ พ.ต.อ.สีหเดช สระกอบแก้ว ผกก.สภ.นครชัยศรี ได้กล่าวฝากถึงประชาชนที่พักอาศัยอยู่ ในอาคารชุดเอื้ออาทรท่าตำหนักและใกล้เคียงที่เคยถูกคนร้ายเข้างัดแงะเข้าไปลักทรัพย์ภายในห้องพัก และยังไม่ทราบตัวคนร้ายทั้งที่ยังไม่ได้แจ้งความกับพนักงานสอบสวนและที่แจ้งความไว้แล้วให้ไปดูทรัพย์สินของกลางได้ที่สถานีตำรวจภูธรนครชัยศรี เพื่อแสดงตัวเป็นผู้เสียหาย ดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมหลังจากจับกุมนายพิธีคนร้ายดีกรีครูภาษาไทยรายนี้ได้พบว่าในพิธี เคยเป็นครูอัตราจ้างสอนอยู่ที่โรงเรียนชื่อดัง เรื่องวิชาการ แห่งหนึ่งในอำเภอสามพราน แต่ถูกให้ออก จากโรงเรียนดังกล่าวเหตุเพราะ ถูกจับได้ว่า ลักเงินที่เด็กนักเรียนเก็บออมฝากไว้กับโรงเรียน จากนั้นนายพิธีฯได้มาสมัครเป็นครูสอนภาษาไทยที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง เขตท้องที่ หมู่ 6 ตำบลธรรมศาลา อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ถ้าช่วงไหน ไม่มีช่วงการสอนนายพิธีฯ ก็จะขับรถ จักรยานยนต์คู่กายไปตระเวณเข้าตามห้องพักใน อาคารเอื้ออาทรท่าตำหนักซึ่งในพิธีเคยพักอาศัยอยู่มาก่อน เพื่อลักทรัพย์ในหมู่บ้านเอื้ออาทร นครชัยศรี โดยก่อเหตุมาแล้วมากกว่า 20 ราย วิธีการของนายพิธีคนร้ายจะใช้วิธีเดินขึ้นไปตามห้องแล้วสังเกตุว่าห้องใดปิดทั้งหน้าต่างบานเกล็ด และประตู จะใช้วิธีเคาะเรียก หากมีผู้อยู่อาศัยเปิดประตูก็จะบอกว่าเคาะห้องผิด หากห้องใดไม่มีการตอบรับและไม่มีเสียงเครื่องปรับอากาศเปิดก็จะลงมืองัดช่องบานเกล็ดเพื่อเปิดล็อคประตูจากด้านใน เข้าไปโจรกรรมลักทรัพย์สิน ซึ่งจะเลือก ห้องที่ไม่มีการติดเหล็กดัด หน้าต่างบานเกล็ด และไม่มีประตูเหล็กดัดล็อคพิเศษ อีกชั้น ของกลางที่ตำรวจยึดได้เป็นพระ พระเครื่องแบบต่างๆทั้งเนื้อโลหะและพระผงนับพันองค์ รวมทั้งสร้อย แหวน นาฬิกา และอื่นๆ…