วันอังคารที่ 27 กันยายน 2565 เวลา 13.30 น. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ผบช.ภ.7
พร้อมด้วย
พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา
รอง ผบช.ภ.7
พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์
ผบก.ภ.จว.นครปฐม
พล.ต.ต.ปรีดา อิ่มเจริญ
ผบก.ศฝร.ภ.7/หน.ชปส.ภ.7
พ.ต.อ.สธนทัต ตั้งสิทธิ์เสรีวงศ์
รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม
พ.ต.อ.พงษ์สวัสดิ์ คำปาเชื้อ
รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม
พ.ต.อ.ศุภชัย ไตรสมบูรณ์
นวท.(สบ.5) ศพฐ.7
พ.ต.ท.อุทัย สุมาลัย
รอง ผกก.ป.สภ.บางเลน รรท.ผกก.สภ.บางเลน
และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ร่วมแถลงผลจับกุมผู้ต้องหา พร้อมด้วยของกลาง จำนวน 2 ราย ดังนี้
1.นายเฉลิมวงศ์ หรือหนึ่ง ตึ๊งสมบูรณ์ อายุ 33 ปี
2.นายกิตติชัย หรือตี๋ ตรีเพชร อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่จ.352/2565
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายโดยมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน”
พร้อมด้วยของกลางในคดี ได้แก่
1.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ชนิดเม็ดกลมแบน สีแดงส้ม ด้านหนึ่งผิวเรียบด้านหนึ่งมีตัวอักษร WY บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีฟ้า มัดด้วยหนังยาง จํานวน 10 ถุงพันทับด้วยกระดาษสาสีขาว จำนวน 125 มัด (250,000เม็ด) รวมยาบ้าจำนวนทั้งสิ้น250,000เม็ด
2.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ออปโป้ (OPPO) รุ่น A16 ระบบ 2 ซิมการ์ด หมายเลข IMEI (ช่องซิม 1) 868362062354779 หมายเลข IMEI (ช่องซิม 2) 868362062354761 หมายเลขโทรศัพท์ 093-7102405 ระบบ (AIS) จํานวน 1 เครื่อง
3.เงินสด จำนวน 300,000 บาท
4.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน ผอ 4599 นครราชสีมา
พฤติการณ์โดยย่อ
เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ตั้งจุดตรวจ–จุดสกัด ป้องกันเหตุอยู่ที่ถนนสาธารณะบางภาษี–ศาลายา ม.10 ต.ลำพญา อ.บางเลน จ.นครปฐม พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน ผอ 4599 นครราชสีมา ผ่านลงสะพานมาถึงก่อนจุดตรวจ ประมาณ 150 เมตร ได้แสดงอาการมีพิรุธต้องสงสัย โดยหยุดรถและเลี้ยวกลับรถบนเชิงสะพานแล้วเร่งเครื่องขับขี่หลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยความเร็ว เจ้าหน้าที่ตำรวจที่จุดตรวจจึงติดตามไปอย่างกระชั้นชิด สังเกตเห็นว่าผู้ที่นั่งด้านข้างคนขับ ด้านซ้าย ได้ลดกระจกลงและได้ทิ้งกล่องพัสดุไปรษณีย์สีน้ำตาล ลงข้างทางตลอดเส้นทางที่หลบหนี จนเมื่อมาถึงบริเวณ ถนนสาธารณะภายในหมู่บ้าน ม.9 ต.นราภิรมย์ อ.บางเลน จ.นครปฐม รถกระบะคันดังกล่าวได้ชะลอความเร็วและนายเฉลิมวงศ์หรือหนึ่ง ตึ๊งสมบูรณ์ได้เปิดประตูกระโดดลงจากรถคันดังกล่าวพยายามวิ่งหลบหนี เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าควบคุมตัวนายเฉลิมวงศ์หรือหนึ่ง ตึ๊งสมบูรณ์ไว้ได้ ส่วนรถยนต์กระบะคันดังกล่าวได้ขับหลบหนีไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวนายเฉลิมวงศ์ฯ ไปตรวจสอบบริเวณจุดที่ทิ้งกล่องบรรจุยาบ้าลงระหว่างทางหลบหนี พบกล่องไปรษณีย์ภายในบรรจุยาบ้า(ของกลาง) สอบถามนายเฉลิมวงศ์ฯ ให้การยอมรับว่าผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวคือ นายกิตติชัยหรือตี๋ ตรีเพชร ซึ่งร่วมกับตน ไปรับกล่องไปรษณีย์ดังกล่าวเพื่อนำไปส่งในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุทธยา จึงจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.บางเลนดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผล ทราบว่านายกิตติชัยฯ มีส่วนเกี่ยวข้องกับรถยนต์กระบะคันที่ใช้หลบหนีไป และมีพยานหลักฐานว่าตามวันเวลาเกิดเหตุนายกิตติชัยฯ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะคันดังกล่าว ไปรับยาบ้า(ของกลาง) ร่วมกับนายเฉลิมวงศ์ฯ จริง
วันที่ 26 กันยายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานยื่นต่อศาลจังหวัดนครปฐม เพื่อขออนุมัติหมายจับ นายกิตติชัย ตรีเพชร ซึ่งศาลจังหวัดนครปฐมอนุมัติหมายจับที่ จ.352/2565 ลงวันที่ 26 กันยายน 2565 ข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายโดยมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน”
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบทราบว่านายกิตติชัยฯ ได้หนีไปหลบซ่อน อยู่ที่โรงแรมในเขตจังหวัดนครปฐม จึงออกสืบสวนติดตาม และสามารถ จับกุมนายกิตติชัยฯ ได้ในวันเดียวกัน สอบถามนายกิตติชัยฯ ให้การ รับสารภาพว่าเป็นผู้ขับขี่รถกระบะคันดังกล่าวหลบหนีไปตามวันเวลาเกิดเหตุจริง เนื่องจากได้ร่วมกับนายเฉลิมวงศ์ฯ ไปรับยาบ้าของกลาง แล้วมาพบจุดตรวจ–จุดสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เกรงว่าจะถูกจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.บางเลนดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดเงินสดจำนวน300,000 บาท จากผู้ต้องหาเพื่อตรวจสอบ เนื่องจากเชื่อว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด และจะสืบสวนขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องทุกราย เพื่อจับกุมมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องรวบรวมพยานหลักฐานในคดีให้รอบคอบ เพื่อให้สามารถดำเนินคดีลงโทษผู้กระทำผิดและผู้เกี่ยวข้องได้จนถึงที่สุด ตามคติที่ว่า“คนดีต้องอยู่เย็นเป็นสุข คนร้ายต้องอยู่ร้อนนอนทุกข์“
ในนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 7 ได้ฝากถึงประชาชนว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ และขอชมเชยเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป
ณ ตำรวจภูธรภาค7 ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมืองนครปฐม จว.นครปฐม