เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 15 ก.ย.2565 ที่ห้องหว้ากอ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ น.ส.ธนพร บางบัวงาม หัวหน้าหน่วยงานประจำจังหวัดประจวบฯ สภาองค์กรของผู้บริโภค(สอบ.) นายนันทปรีชา คำทอง ประธานสภาองค์กรของผู้บริโภคจังหวัดประจวบฯ พร้อมด้วย เครือข่ายผู้บริโภค เจ้าหน้าที่หน่วยงานประจำจังหวัดฯ ได้ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อแสดงจุดยืนคัดค้านการควบรวมธุรกิจระหว่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค โดยมี ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นตัวแทนผู้ว่าฯ มารับหนังสือ
ทั้งนี้ เนื้อหาดังกล่าวมีดังนี้ “ตามที่ได้มีการประกาศควบรวมกิจการในธุรกิจโทรคมนาคม ระหว่าง บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ออกมาเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา โดยสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการ โทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้แต่งตั้งอนุกรรมการ 4 คณะ เพื่อศึกษาผลกระทบจากการควบรวมดังกล่าว โดย คณะอนุกรรมการฯด้านสิทธิผู้บริโภคและสิทธิพลเมือง และด้านเศรษฐศาสตร์ พบว่า หากเกิดการควบรวมกิจการโทรคมนาคมระหว่างบริษัท DTAC และ TRUE จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภคเป็นอย่างมาก อันได้แก่ 1.ราคาค่าบริการที่ผู้บริโภคต้องจ่ายเพิ่มขึ้นในระยะยาว 2.การมีตัวเลือกของผู้ให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่น้อยลง จนอาจทำให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางด้านดิจิทัล และ 3.ค่า GDP จะลดลงประมาณ 0.05% – 1.99% ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 0.05 – 2.07%
ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น หน่วยงานประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สภาองค์กรของผู้บริโภค ในฐานะหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของสภาองค์การของผู้บริโภค มีข้อห่วงกังวลว่า การประกาศควบรวมกิจการในธุรกิจโทรคมนาคมระหว่าง บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE จะก่อให้เกิดผลเสียกับผู้บริโภคเป็นอย่างมาก จึงใคร่ขอแสดงจุดยืนว่า หน่วยงานประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สภาองค์กรของผู้บริโภค ไม่เห็นด้วยต่อการควบรวมกิจการโทรคมนาคมดังกล่าว”
น.ส.ธนพร บางบัวงาม หัวหน้าหน่วยงานประจำจังหวัด สอบ. กล่าวว่า องค์กรในพื้นที่ทั้ง 13 องค์กร ใน 8 อำเภอของจังหวัดประจวบฯ ได้แสดงจุดยืน ร่วมคัดค้านการควบรวมทรู – ดีแทค ที่จะมีผลกระทบการผูกขาดมือถือต่อสิทธิพลเมือง 5 G เพราะการควบรวมอาจทำให้เกิดอำนาจเหนือตลาด โดยหากการควบรวมของทั้ง 2 บริษัทได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล และสามารถตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ได้ กิจการภายใต้บริษัทดังกล่าว จะมีส่วนแบ่งตลาดโทรคมนาคมในประเทศไทยถึงร้อยละ 52 ส่งผลให้เกิดสภาวะขาดประสิทธิภาพในการแข่งขัน (Failure market) และอาจมีอำนาจเหนือตลาดอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะนำไปสู่การผูกขาดบริการ โครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการผูกขาดทางเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งส่งผลต่อราคาและคุณภาพของบริการสัญญาโทรศัพท์และอินเตอร์น็ตที่ผู้บริโภคใช้ การผูกขาดบริการ หรือผูกขาดโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต ทั้งแบบมีสายและแบบไร้สาย ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ยากขึ้น อินเทอร์เน็ตจะช้าลง และผู้ใช้บริการทุกกลุ่มจะมีต้นทุนสูงขึ้น
นอกจากนี้ ยังเป็นการผูกขาดทางเศรษฐกิจดิจิทัลอีกด้วย เนื่องจากต้นทุนการเข้าถึงข้อมูลที่สูงขึ้น ข้อมูลมีราคาแพง ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยอีกด้วย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานกำกับดูแลจะต้องมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาที่ชัดเจน และคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นหลัก หน่วยงานประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และสภาองค์กรของผู้บริโภค จึงอยากชวนผู้บริโภคทุกคนแสดงพลังให้ กสทช. รู้ว่าเราไม่เอาควบรวมทรู-ดีแทค ผ่านการร่วมลงชื่อรณรงค์ต่อต้านการผูกขาดทางการค้ากรณีการควบรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทค ได้ที่ https://bit.ly/3SgV2yd และร่วมกันติดแฮชแท็ก #หยุดผูกขาดมือถือ
ทั้งนี้ สอบ.และเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค 14 จังหวัด กำลังจะยื่นฟ้อง กสทช. เกี่ยวกับการทำหน้าที่ของ กสทช. ในประเด็นการพิจารณาการควบรวมดังกล่าว ขณะนี้อยู่ที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กำลังจะมีมติพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ทันทีที่คณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นเกี่ยวกับอำนาจของ กสทช.ที่จะพิจารณาในเรื่องดังกล่าว////////////////