จัดงานวันเกิด ด้วยการจัดงานศพ #หลวงพี่น้ำฝน

เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน บัดนี้ก็ก้าวเข้าสู่เดือนที่เก้าของปี คือ เดือนกันยายนแล้ว ก็นับได้ว่าใกล้เทศกาลกฐิน อันเป็นบุญใหญ่ประจำปีอีกวาระหนึ่งของพุทธศาสนิกชนชาวไทย โดยในปีนี้วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม จะจัดกฐินสามัคคีในวันที่ 16 ตุลาคม 2565 รายละเอียดต่าง จะได้แจ้งให้ทราบต่อไป

ปกติตามคตินิยมของเรา แล้ว เรื่องเกิดกับเรื่องตายดูจะเป็นขั้วตรงข้ามกันอย่างแรงเดี๋ยวก็มีอะไรให้ถือมากมายว่าห้ามอย่างนั้นห้ามอย่างนี้ ในเรื่องที่เกี่ยวกับคนตายราวกับว่าเป็นของที่ห้ามเข้าไปเกี่ยวข้อง มิฉะนั้นจะได้รับส่วนแห่งความอัปมงคลนั้นได้ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับวันเกิดด้วยแล้ว คงไม่มีใครอยากให้ไปยุ่งเกี่ยวกับคนตาย

วันเกิดนี่ก็อย่างหนึ่ง เรามักชื่นชมยินดีกับวันเกิด แต่หลัง มาดูเหมือนว่าเรามักจะชื่นชมยินดีในแง่ว่าเป็นการเฉลิมฉลอง ต้องมีปาร์ตี้อะไรกันจนบางทีก็เมาหัวราน้ำ อันนี้ก็ต้องให้สติสักนิดหนึ่งว่า ภายใต้คำว่าวันเกิดนั้น หมายความว่าเราเข้าใกล้วันตายเข้าไปด้วยทุกที นี่ไง เกิดกับตายมันสัมพันธ์กันอยู่จริง ทีนี้ถามว่าในเมื่อมันใกล้วันตายขึ้นทุกทีแล้วเราจะฉลองทำไม ไอ้ที่ว่าฉลองนั้นก็ขอให้ตรองดูให้ดีว่าเราฉลองเพื่ออะไร ฉลองว่าเรามีชีวิตรอดมาแล้วอีกปีหนึ่งใช่ไหม หรืออย่างไร

แล้วการที่เรามีชีวิตรอดมาได้อีกปีหนึ่งนี่มันมีคุณค่าอย่างไรในเมื่อยังไงคนเราก็ต้องตาย ก็เพราะการไม่ตายเสียก่อน ทุกวันคืนที่ผ่านไปคือโอกาสในการกระทำความดี เกิดเป็นมนุษย์คือโอกาสทำดี ไปดี ไปร้าย ก็อยู่ที่การกระทำในขณะเป็นมนุษย์ ถ้าตายแล้วก็พลาดโอกาสในการทำความดีในฐานะที่เป็นมนุษย์ ชาติต่อไปก็ขึ้นกับอำนาจกรรม ถ้าไปเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์ก็ไม่มีโอกาสได้ทำความดี ที่เราฉลองก็ควรฉลองกันด้วยเหตุนี้ ฉลองกันอย่างมีสติ รู้ว่าเรามีชีวิตเพื่ออะไร และควรทำอะไรให้สมแก่ที่เกิดมาเป็นมนุษย์ คิดเสมือนว่าเราเกิดมาครั้งเดียว เพราะเวลาในชีวิตมันเดินหน้าไปอย่างเดียวมันไม่ย้อนกลับ ในระยะใกล้นี้เรามีโอกาสแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ไม่รู้ว่าอีกเมื่อไรจะได้เป็นมนุษย์อีก จึงอยากให้ทุกคนได้รู้ถึงคุณค่าของการเป็นมนุษย์ ฉลองวันเกิดด้วยความรู้ในคุณค่าและความสำคัญของการเป็นมนุษย์ คือ ผู้มีโอกาสในการทำความดี เลือกเส้นทางของตนได้ทั้งในชาตินี้และชาติต่อ ไป

และอาตมาก็ได้พบกับคนที่รู้ในคุณค่าและความสำคัญเช่นนี้ นับว่าน่าชื่นชมยิ่งนัก โดยจากมรณกรรมของยายพูน เอี๊ยวถาวร หญิงสี่แผ่นดินที่อาตมาได้เล่าไปเมื่อฉบับที่แล้วก็มีครอบครัวหนึ่ง คือครอบครัวของคุณโยมอติภา เบญจวาณิชย์ และสามีคือโยมประสิทธิ เบญจวาณิชย์ แห่งบริษัท เพชรสยามซาวด์กรุ๊ป จำกัด ร้านเครื่องเสียงเจ้าใหญ่ยาวนานแห่งย่านสะพานเหล็ก โยมทั้งสองนี้ติดตามข่าวเรื่องยายพูนมาโดยตลอดตั้งแต่อาตมาเข้าไปช่วยเหลือ พอทราบข่าวว่ายายพูนเสียชีวิตแล้ว และอาตมาได้รับทำศพยายพูนตามประเพณีที่วัดไผ่ล้อม ก็เลยอยากมาร่วมทำบุญงานศพยายพูน จึงเดินทางมายังวัดไผ่ล้อมเพื่อร่วมทำบุญ

วันนั้นเป็นวันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2565 วันนั้นเป็นวันเกิดของโยมอติภาพอดี ปกติพอถึงวันเกิดคุณโยมก็จะเลี้ยงฉลองตามปกติ ลูกน้อง พนักงานก็ได้ร่วมฉลองอย่างสุขสันต์แต่ปีนี้ วันเกิดแท้ แต่มาจัดงานศพ ด้วยการรับเป็นเจ้าภาพการสวดพระอภิธรรมศพยายพูน ถือว่าเป็นการทำบุญวันเกิดไปในตัว

ถ้าเป็นคนอื่นเห็นอาจจะร้องเสียงหลง วันเกิดแท้ มาทำงานศพทำไม บุญอื่นมีทำตั้งมากมายไม่ทำ เขาให้แต่งตัวสวย งาม สดใส ทำอะไรด้วยความร่าเริงยินดีมีงานฉลองต่าง เป็นการมงคล นี่ใส่ชุดดำทำชุดดำอันเป็นการอวมงคลแท้ แต่นี่แหละนะนี่คือการทำบุญที่ดีที่สุด ดีแท้ เลย ทำงานอวมงคลเช่นนี้นี่แหละ ถือว่ามีปัญญารู้เห็นเป็นที่ชัดแจ้งว่าการใดคือบุญคือกุศล ควรทำ ทำงานศพ เป็นบุญมีอานิสงส์แรง

ก็เป็นเรื่องควรอนุโมทนา อาตมาก็ขออนุโมทนาแก่คุณโยมอติภา และคุณโยมประสิทธิ์เบญจวาณิชย์ ตลอดจนทุกท่านทุกคนที่มีส่วนร่วม ร่วมแรงร่วมใจในงานศพของคุณยายพูน เอี๊ยวถาวร ตั้งแต่วันแรกจนถึงการฌาปนกิจ ก็ขออนุโมทนา และขอให้ได้รับอานิสงส์อันดีงามจากการมีส่วนร่วมในบุญครั้งนี้โดยทั่วกัน

และการบำเพ็ญกุศล การฌาปนกิจร่างยายพูนก็เสร็จสิ้นลง อาตมาได้นำอัฐิและอังคารของยายพูนไปลอยยังแม่น้ำท่าจีน ที่หน้าวัดไร่ขิง ให้หลวงพ่อวัดไร่ขิงและพระแม่คงคาได้ปกปักรักษาดวงวิญญาณของยายพูนให้เป็นสุขในสัมปรายภพสืบไป เป็นปลายทางอันเกษมสุขของยายพูน สตรีสี่แผ่นดินที่ฝ่าฟันสู้ชีวิตมาอย่างยาวนาน หากดวงวิญญาณของยายพูน เอี๊ยวถาวร ไม่ว่าจะอยู่ ที่แห่งใดได้รับรู้ในความตั้งจิตตั้งใจของทุกคน ก็คงมีความยินดีเป็นอย่างมาก

ขอเจริญพร