หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ให้โอกาสผู้ต้องขัง เรือนจำกลางนครปฐมทำบุญตักบาตรเนื่องในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา หลังงดมาแล้วกว่า 2 ปี พร้อมจัดกิจกรรมบรรยายธรรมอ มอบอุปกรณ์กีฬาส่งเสริมนักมวยนักโทษ พัฒนาฝีมือสร้างชื่อเวทีระดับชาติ พร้อมตั้งเป้าวัดไผ่ล้อมจะนำหลักธรรมให้โอกาสขัดเกลาคนเคยผิดคิดใหม่ตั้งแต่อยู่ในเรือนจำ
วันที่ 13 ก.ค. 65 ที่เรือนจำกลางนครปฐม อ.เมือง จ.นครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้นำคณะสงฆ์พร้อมด้วยคณะกองทัพธรรม เข้าร่วมจัดกิจกรรมในการเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังได้มีโอกาสได้ทำบุญตักบาตรและร่วมฟังการบรรยายธรรมเนื่องในโอกาสวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ประจำปี พ.ศ.2565 โดยมี พ.ต.ท.วรชัย อารักษ์รัฐ ผบช.เรือนจำกลางนครปฐม นายธิตินัย พาติกบุตร รองผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครปฐมและนายวิรัตน์ พรมน้อย ผู้อำนวยการสถานกักกันนครปฐม พร้อมคณะผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ
โดยในการจัดกิจกรรมดังกล่าว ช่วงเช้าได้มีการจัดพิธีการทำบุญตักบาตรให้กับคณะเจ้าหน้าที่ จากนั้นได้มีการจัดให้ผู้ต้องขังในเรือนจำกลางนครปฐม ได้มีโอกาสในการทำบุญตักบาตรในพื้นที่ควบคุม ซึ่งมีผู้ต้องขังได้มีการเข้าแถวและได้ร่วมกันใส่บาตรเป็นครั้งแรก หลังจากมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้กิจกรรมดังกล่าวได้มีการยกเลิกนานกว่า 2 ปี
จากนั้นหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้จัดการบรรยายธรรม โดยนิมนต์พระสงฆ์ของวัดไผ่ล้อมที่เคยหลงผิดและตกเป็นทาสของยาเสพติด กระทั่งถูกจับกุมทั้งในฐานะของผู้ค้าและผู้เสพซึ่งเคยต้องโทษในเรือนจำมาแล้วถึง 5 ครั้งก่อนที่จะตัดสินในบวชเพื่อศึกษาพระธรรม ซึ่งปัจจุบันสามารถกลับตัวกลับใจจนไม่กลับไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดและใช้หลักพระธรรมคำสั่งสอนมาปฏิบัติปรับใช้จนสามารถเข้าใจถึงความหมายของชีวิตได้ โดยได้มุ่งเน้นเพื่อนำประสบการณ์มาถ่ายทอดให้ผู้ต้องขังในเรือนจำกลางนครปฐม ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนราว 3 พันคนได้รับฟังและนำวิธีคิดและปฏิบัติไปปรับใช้ในช่วงที่รอการปลดปล่อยหลังรับโทษครบตามคำพิพากษา
นอกจากนี้ ยังได้จัดคณะทัพบุญวัดไผ่ล้อม ในวงการมวยอาทิ นายธนากร สอนดี และบุคคลในวงการมวยได้ร่วมกับหลวงพี่น้ำใน นำเวทีมวยพร้อมอุปกรณ์ที่ใช้ในการฝึกซ้อมมวยไทย มอบให้กับเรือนจำกลางนครปฐม สำหรับให้นักมวยในสังกัดที่เป็นผู้ต้องขังได้นำไปฝึกซ้อมสำหรับเตรียมตัวนำไปแข่งขันซึ่งปัจจุบันมีนักมวยที่ไปสร้างชื่อเสียงเป็นแชมป์หลายเวทีในขณะนี้ด้วย
หลวงพี่น้ำฝน เผยว่า การที่วัดไผ่ล้อมได้นำคณะสงฆ์ มาจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาในเรือนจำกลางนครปฐม เป็นอีกหนึ่งแนวทางในการสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานรัฐ ซึ่งมองเห็นว่าผู้ต้องขังนั้นมีโอกาสน้อยกว่าคนที่อยู่ภายนอกกำแพงสูงมาก และยังมีผู้ต้องขังอีกมากที่มีความรู้ ความสามารถ แต่อาจจะหลงกระทำความผิด หรือตั้งใจกระทำความผิดแต่เมื่อมารับโทษและมีความคิดใหม่ ซึ่งการนำเอาศาสนามาปรับสอนให้เขาเหล่านั้นได้เข้าถึงจะทำให้เป็นการนำหลักพระธรรมคำสั่งสอนมาปรับใช้ในช่วงถูกควบคุมตัว
“อาตมา เชื่อว่าถ้าเราตั้งใจจะให้โอกาสในการกลับตัวกลับใจกับเขาเหล่านี้เมื่อเขาพ้นโทษออกไปก็จะมีภูมิป้องกันในการไม่กลับไปกระทำความผิด อย่างที่อาตมานำคณะสงฆ์มาให้เขาได้ร่วมกันทำบุญตักบาตร ภาพที่เห็นคือเขาดีใจ เขาตั้งใจและอยากทำบุญหลายคน ยิ่งเมื่อได้มานั่งพูดคุยกันแล้วถ้าเราทำให้เขาศรัทธาและให้โอกาสกับเขา ก็จะทำให้เขาเริ่มคิดดีและเริ่มต้นทำดีได้ทันที แม้จะไร้อิสรภาพแต่เขามีอิสระทางการติดเริ่มต้นที่จะวางชีวิตใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอถึงวันที่ปลดปล่อยออกมา และวัดไผ่ล้อมก็พร้อมจะทำหน้าที่ด้านสาธารณสงเคราะห์เพื่อช่วยเหลือให้สังคมมีความสงบเหมือนหลายโครงการที่ผ่านมา” หลวงพี่น้ำฝน กล่าวปิดท้าย