เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน อาตมาเขียนต้นฉบับ | จุดไฟในใจคนฉบับนี้หลังจากได้ผ่านพ้นงานใหญ่
สองวันติดต่อกัน คือในวันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน และ วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน เรียกได้ว่าเหนื่อยอยู่ไม่น้อย เพราะเป็น งานใหญ่ ต้องเตรียมการมาก หลายสิ่งหลายอย่าง แต่อาตมาก็ เต็มใจทํา เพราะถือว่าเป็นบุญกุศลที่อาตมาจะได้ทําร่วมกับญาติโยม ทุกคนเหมือนการผนึกกําลังกันเป็นสะพานนําพาบุญของทุก ๆ คนไปยังจุดหมาย นั่นคือ ชีวิตในทางเกษม
ในวันแรก วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน 2565 เป็นพิธีส่ง พระเสาร์ ซึ่งในทางโหราศาสตร์นั้นถือว่าพระเสาร์ได้มาเสวยอายุใน ดวงชะตาของอาตมาเป็นเวลา 10 ปีมาแล้ว และบัดนี้ก็จะเสด็จ ออกจากดวงชะตาตามวาระ เรื่องนี้เป็นไปตามธรรมเนียมโบราณ ที่ว่าบุคคลแต่ละคนจะมีเทวดานพเคราะห์เวียนมาเสวยอายุ และ มาแทรกอายุ ก่อให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ให้คนเราเผชิญทั้งเรื่องดี และร้าย โบราณว่าเมื่อเทวดานพเคราะห์เสด็จมาเสวยอายุ เสด็จ มาแทรกอายุก็ควรจะไหว้ดีพลีถูก หากเป็นคุณก็จักได้เป็นคุณยิ่ง ขึ้นไป หากเป็นโทษจะได้บรรเทาลง ให้มีพิธีกรรมจําเพาะแก่แต่ละ บุคคล อาตมาจึงได้ประกอบพิธีขึ้น โดยตั้งเครื่องสังเวยเทพยดา พระเสาร์ มีการเจริญพระพุทธมนต์เป็นเบื้องต้นบัณฑิตศิษย์มีครู กระทําหน้าที่อ่านโองการประกาศบูชาพระเสาร์ตามประเพณีนิยม ถือว่าได้ทําตามประเพณีโบราณ
และในวันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน 2565 วันนี้เป็นวันเกิดอาตมา ครบ 50 ปี จากเด็กดินแดงสู่สมภารเจ้าวัด ครึ่งศตวรรษแล้ว จะว่าไปก็คือกลางคนจริง ๆ มาครึ่งทางแล้วถึงวันเกิดแล้วก็น่ายินดี น่าดีใจที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่กล่าวเช่นนี้เพราะว่าการมีชีวิตอยู่รอดมาได้ ปีหนึ่ง เป็นโอกาสให้เรามีโอกาสได้ทําบุญ ได้ทําความดี เมื่อถึง วันเกิดแต่ละปีเราก็ควรจะทําบุญ อย่างน้อยสักอย่างหนึ่งให้สมแก่การ ที่เรามีชีวิตรอด มีโอกาสได้สร้างกรรมดี ต่อเติมเพิ่มเติมไปจากเดิมอีก ด้วยการเป็นมนุษย์พบพุทธศาสนา รู้จักว่าการนี้คือบุญการนี้คือ มรรคไปหาผล เป็นของยากเต็มที่ เหมือนเต่าในมหาสมุทรเงยคอ มาเจอห่วงยางกลางมหาสมุทร เมื่อได้โอกาสแล้วก็ควรใช้โอกาสนั้น ให้คุ้มค่าที่สุด สําหรับวันเกิดอายุ 50 ปีของอาตมานี้ อาตมาก็ ดําริบุญใหญ่ขึ้น นั่นคือ การสร้างรูปเหมือนพระองคุลีมาลเถระ ในภาวะมหาโจรหนึ่งองค์ และในภิกขุภาวะอีกองค์หนึ่ง
เราทุกคนที่เป็นชาวพุทธก็น่าจะรู้จักกับพระองคุลีมาล เพราะ เป็นพระพุทธสาวกสมัยพุทธกาลที่มีประวัติน่าตื่นเต้นดูโลดโผน โจนทะยานที่สุด คือ เป็นมหาโจรผู้มีมาลัยนิ้วมือที่ใคร ๆ ก็คชั่น คร้าม แม้พระเจ้าแผ่นดินก็ขนลุกชูชันเพียงได้รู้ข่าว แต่จู่ ๆ ก็ปิด ตํานานจอมโจรมาลัยนิ้วมือ และกลายมาเป็นพระพุทธสาวก ด้วย
พระพุทธานุภาพนี้เองอาตมา จึงอยากให้เราทั้งหลายได้ นําเรื่องของพระองคุลีมาล ไปเป็นข้อคิดเตือนใจและ นําไปปฏิบัติ
กล่าวเช่นนี้ไม่ได้ หมายความว่า คนที่จะตาม รอยพระองคุลีมาลนั้นจะ ต้องเป็นโจร เป็นคนคุก คนเกเร คนพาล เราทุกคน นั่นแหละคือพระองคุลีมาล เพราะถ้าไปดูประวัติของท่านแล้ว ท่านมิใช่คนชั่ว ร้ายแต่กําเนิด แต่ว่าชะตา กรรมนําพาให้ต้องทําความ ชั่ว ให้ไปอยู่ในเส้นทาง ดาวโจรด้วยความหลงผิด คิดอยากได้วิชาแม้ต้องฆ่าคนก็ยอมทําผิดและด้วยแรงริษยาจาก คนรอบข้างที่บีบให้เข้าสู่เส้นทางนรก เดินในเส้นทางโจรด้วยความเชื่อมั่น อย่างเต็มเปี่ยมว่าหากฆ่าคนได้สักพันคนจะได้วิชาอันวิเศษจาก อาจารย์ซึ่งก็ถูกเพื่อนผู้ริษยากรอกหูรายวันจนฟันเฟือนเสีย แต่ด้วย ปัญญาของพระองคุลีมาลด้วยบุญอันมีพร้อมแล้วแต่หนหลัง เมื่อถูก “กระตุก” โดยพระพุทธองค์ องคุลีมาล อหิงสกะจอมโจรก็ละ ดาบละปืนผาหน้าไม้ ละทิ้งสิ่งที่ตนยึดมั่นถือมั่นมาตลอดหลายเดือนหลายปี ว่านั่นมิใช่ทางอันแท้จริง แม้ว่าจะเหลือเพียงคนสุดท้าย คนสุดท้ายเท่านั้น…อีกนิดเดียวจะถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ฉะนั้น เราต้องถือว่าองคุลีมาลใจเด็ดพอที่ละทิ้งทุกสิ่งที่ตนตามหามา ทั้งชีวิต ยอมที่จะเริ่มต้นใหม่ในเส้นทางใหม่ที่เกษมกว่าเดิม คือเส้นทางของพระตถาคต องคุลีมาลได้เกิดใหม่ในอริยชาติแล้ว
เส้นทางของพระตถาคตที่พระองคุลีมาลเดินนั้นก็มิใช่เรื่อง ง่าย เมื่อกรรมไม่อาจลบล้างกันได้ พระองคุลีมาลต้องเผชิญหน้า กับผลกรรมที่ก่อมา เงาแห่งฆาตกรยังคงตามหลังพระองคุลีมาล แต่พระองคุลีมาลก็ “ใจ” พอที่จะรับผลกรรมนั้นด้วยความอดทน อดกลั้นและสุดท้ายพระองคุลีมาลก็ได้พบทางอันเกษมจริง ๆ
นี่คือแนวคิดที่นําไปสู่การหล่อรูปพระองคุลีมาล โดยเฉพาะ องค์ที่อยู่ในภิกขุภาวะนั้นอาตมาได้ให้แนวคิดแก่ประติมากรว่า ให้ทํามือแบบอภยมุทรา คือ การให้อภัย การแสดงความไม่มีพิษมี ภัยแก่ผู้ใด และนี่คือสิ่งที่พระองคุลีมาลทํามาตลอดเมื่อเกิดใหม่ในอริยชาติ บัดนี้องคุลีมาลภิกขุคือผู้ไม่มีภัยแก่ผู้ใดแล้ว
อาตมาจึงต้องการให้รูปหล่อพระองคุลีมาลนี้ เป็นสัญลักษณ์ แห่งการกลับตัวกลับใจเข้าไปสู่เส้นทางอันเกษมของพระพุทธองค์ มีความกล้าหาญที่จะยอมรับความจริง และพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง ตนเอง ลด ละ เลิก สิ่งไม่ดีทั้งหลาย ซึ่งทั้งหมดนี้เริ่มได้ที่ตนเอง
โดยในพิธีหล่อรูปพระองคุลีมาลเถระนั้น มีผู้มาร่วมพิธีเป็น จํานวนมาก ต่างพากันทําบุญถวายแผ่นทองเพื่อนําไปหล่อเป็นองค์พระ ด้วยความเต็มใจ ด้วยความปีติยินดี และในอีกไม่นานนี้ รูปหล่อ พระองคุลีมาลเถระ สูงสามเมตร ก็จะได้ปรากฏโฉมเป็นที่เคารพสักการะของผู้มายังวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม สืบไป อาตมาจึง ขอประกาศอนุโมทนาบุญแก่ทุกท่านที่มีส่วนในการบุญนี้ด้วยเทอญ
ขอเจริญพร