เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 ที่หอประชุมอำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมตรวจติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายอำเภอจักราช และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้ากำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่อำเภ อจักราชร่วมประชุม
สำหรับการเดินทางมาครั้งนี้ นายนิพนธ์รมช.มท.ได้เดินทางมาติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ซึ่งประกอบด้วยการติดตามการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจากพายุฤดูร้อนในช่วงที่ผ่านมา การขับเคลื่อนนโยบาย “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” โดยกระทรวงมหาดไทยพร้อมสนับสนุนให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรมีความเข้มแข็ง สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสินค้าเกษตรได้ อีกทั้งยังพร้อมสนับสนุนทางด้านองค์ความรู้ที่เกษตรกรจะสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้ นอกจากนี้ ได้ประสานกับกระทรวงพาณิชย์จัดหาช่องทางการตลาด ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เกษตรกรมีช่องทางในการจัดจำหน่ายที่แน่นอน หากทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันจะทำให้เกษตรมีความยั่งยืน ราคาเพิ่มขึ้น การเกษตรดีขึ้น ซึ่งหากร่วมมือกันทุกภาคส่วนก็จะทำให้การเกษตรมีความเข้มแข็งมากขึ้น รวมทั้งนโยบายประกันรายได้เกษตรกรในพืช 5 ชนิด ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการเพื่อสร้างความเข้มแข็งและความมั่นคงในการประกอบอาชีพให้แก่ประชาชน
นายนิพนธ์ กล่าวว่า ให้จังหวัดต่างๆได้เร่งสำรวจการจัดการที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล หรือ คทช.โดยเน้นย้ำ คทช. จังหวัดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) เร่งรัดสำรวจที่ดินแปลงสาธารณะที่ยังไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (น.ส.ล.) และทำการออก น.ส.ล. เพื่อทำให้ทราบขอบเขตที่แน่นอน สามารถจัดสรรที่ดินทำกินทุกประเภทให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล
ส่วนอีกนโยบายสำคัญคือโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินให้กับพี่น้องที่มาอยู่ในเขตป่าสงวนหรือเขตอุทยานแต่เป็นที่ดินว่างเปล่า ไม่ใช่ที่ดินอนุรักษ์ ถ้าพี่น้องทำกินถือครองจริงให้ส่งเจ้าหน้าที่สำรวจรังวัดและออก น.ส.3 น.ส.3 ก. ออกโฉนดให้กับพี่น้องประชาชน และเร่งรัดการออกโฉนดที่ดินให้ได้มากที่สุด
นายนิพนธ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า ในขณะนี้ปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมากคือ การแก้ไขปัญหาโควิด-19 ปัญหาคุณภาพชีวิตของประชาชน และปัญหาราคาสินค้า สถานการณ์โควิดไม่ได้ส่งผลต่อด้านสุขภาพอนามัยอย่างเดียว แต่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่การทำมาหากินและรายได้ของประชาชนด้วย ซึ่งจังหวัดต้องร่วมกันแก้ไขพื้นฟูเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่ท้องถิ่นร่วมกับผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ขายในตลาดหรือร้านค้า ร่วมกันพัฒนาสร้างเศรษฐกิจ วิสาหกิจชุมชนกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เพื่อสร้างงานสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนที่ทำมาหากินต้องมีรายได้มาเลี้ยงตนเองและครอบครัวต่อไป ขอยืนยันกับพี่น้องกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและสื่อสารไปยังพี่น้องประชาชนว่ารัฐบาลพร้อมดูแลสุขภาพประชาชนควบคู่ไปกับการดูแลเรื่องปากท้อง