เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน จุดไฟในใจคนฉบับนี้ อาตมาขอเริ่มต้นด้วยข่าวสารงานบุญที่ผ่านมาในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ โดยเมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา อาตมาได้จัดพิธีเทวาภิเษก กำไรมหานาคราช และกระเป๋ามหามงคลพูลเพิ่มทรัพย์ เป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ เข้มขลังตามตำรับโบราณ กระทำขึ้นในวันสงกรานต์ วันปีใหม่ไทย
พญาศรีสัตตนาคาธิบดี เป็นพญานาคผู้ยิ่งใหญ่อีกองค์หนึ่งตามคติความเชื่อของชาวไทย และชาวลาวสองฝั่งโขง เป็นพญานาคที่มีจิตฝักใฝ่ในธรรม เป็นที่เคารพของผู้คนจนกล่าวกันว่า หากมีพิธีกรรมใดเกิดขึ้น แล้วได้เชิญพญานาคมาในพิธี พิธีนั้นก็จะศักดิ์สิทธิ์ มีผลสำเร็จทุกประการ
กำไลนี้ อาตมาเขียนว่า กำไร ให้เป็นลางดีว่า บูชาแล้วจะเกิดกำไรงอกงาม ดุจดังพญานาคราชบันดาลทรัพย์สมบัติมาให้ เมื่อมีทรัพย์มาแล้วก็ต้องมีที่เก็บ ก็มีกระเป๋ามหามงคลพูลเพิ่มทรัพย์ สำหรับเก็บทรัพย์และให้ทรัพย์นั้นงอกเงยยิ่ง ๆ ขึ้นไป ท่านที่สนใจบูชากำไร หรือกระเป๋า สามารถติดต่อได้ที่วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม
อย่างไรก็ตาม มีวัตถุมงคลคู่กายแล้ว อย่าลืมหลักธรรมคู่ใจ หัวใจเศรษฐี “ขยันหารักษาดี มีเพื่อนดี ชีวิตพอเพียง” สี่ข้อนี้ทำให้กำไรและกระเป๋าใช้ได้ผลจริง ๆ จะเพิ่มอีกสี่ข้อก็ได้ ว่า “อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา” ได้กำไร ได้กระเป๋ามาก็ปฏิบัติตามทั้งแปดข้อนี้ รับรองกินดีอยู่สบายในไม่ช้าก็เร็วแน่นอน
สงกรานต์ผ่านพ้นไปแล้ว แต่อากาศนั้นเรียกได้ว่าร้อนระอุเต็มที ร้อนเสียจนเหมือนถูกเผา แทบจะละลายไปกับพื้นถนน เปิดประตูบ้านออกไปเหมือนเปลวไฟต้องร่าง อยู่ข้างนอกก็ถูกแดดเผา อยู่ในบ้านก็เหมือนอยู่ในเตาอบ เปิดพัดลมก็คือได้ลมร้อน เปิดแอร์แอร์ก็เหมือนไม่ช่วยอะไร
อากาศแบบนี้ ลองสังเกตดูดี ๆ ว่า เราใจร้อนขึ้นหรือไม่ คนรอบตัวเราใจร้อนขึ้นหรือไม่เช่น เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตา พูดจาผิดหูไปนิดเดียวก็มีปฏิกิริยา เกิดความหงุดหงิดขึ้นตลอดเวลา ปกติเราหรือเขาไม่ใช่คนแบบนี้นี่
ถ้าสังเกตแบบนี้ สงสัยเกิดอาการ อากาศร้อน คนก็ร้อนด้วย
นั่นเพราะว่า เราถูกความร้อนกระตุ้นนั่นเอง
อารมณ์ ความคิด จิตใจ ความรู้สึกสุข ความรู้สึกทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้น มาจากขันธ์ 5 หรือเบญจขันธ์ เป็นการทำงานต่อเนื่องกันไป ประกอบด้วย รูป (สิ่งที่เห็นเป็นรูปธรรม) เวทนา (รับความรู้สึก) สัญญา (จดจำได้) สังขาร (การปรุงแต่ง) และวิญญาณ (สภาพรับรู้)
อวัยวะคือตัวเรารับรู้ถึงความร้อน นั่นคือรูปได้ความร้อน สำหรับคนไทยเรานั้นอากาศร้อนเราไม่ชอบ ยอมเสียค่าไฟเพราะเปิดแอร์ยังจะดีเสียกว่า นั่นคือเกิดเวทนา เป็นทุกข์เวทนา เพราะว่าเราไม่ชอบ ไม่ปรารถนาความร้อนแต่ต้องมาเจอความร้อน ทั้งนี้เพราะเราจำได้ว่าอาการเช่นนี้คือความร้อน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบและเราหงุดหงิดเสมอที่จะต้องเจอมัน นี่คือสัญญา ทีนี้เกิดการปรุงแต่งต่าง ๆ นานาในดวงจิต ตามวัตถุดิบที่มีอยู่อันนี้คือสังขาร ถ้าเป็นคนทนร้อนก็แต่งไปอีกอย่าง ถ้าเป็นพวกไม่ทนร้อนก็แต่งไปอีกอย่างหนึ่ง เกิดความคิดความรู้สึกพุ่งพล่านขึ้นมา ทำไมร้อนฉิบหายร้อนวอดวายอะไรขนาดนี้ นั่นคือเกิดการปรุงแต่งขึ้นมา สุดท้ายเกิดผลคือตัววิญญาณ คือสภาพรับรู้ซึ่งเกิดขึ้นในแต่ละบุคคล ก็ออกอาการในประการต่าง ๆ เช่น ความหงุดหงิด ความโมโหร้อน อันเป็นผลของความร้อนนั้น
กระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นตลอดเวลา วนเวียนอยู่เป็นวงจร ร้อน หงุดหงิด ร้อน ว้าวุ่นร้อน พลุ่งพล่าน เกิดวนไปเช่นนี้ และเป็นความเร็วระดับสายฟ้าแลบ คือ เกิดขึ้นไวมากตั้งแต่รูปได้ความร้อนจนถึงออกอาการหงุดหงิด จนทำให้ปฏิกิริยาต่อความร้อนนั้นมันเป็นเรื่องปกติ เรื่องที่เป็นธรรมดา
แต่อย่างไรก็ตาม หากสมมติโลกนี้สามารถกดปุ่มให้เกิดภาพสโลว์โมชั่นได้ ให้เห็นภาพชัด ๆ เราจะพบว่า กระบวนการพวกนี้มันเกิดแล้วมันก็ดับไป
สมมติว่า เราร้อนอยู่ดี ๆ แล้วจู่ ๆ เราเดินผ่านประตูห้างสรรพสินค้า เข้าไปในห้างที่แอร์เย็นสบาย ไอ้ความรู้สึกหงุดหงิดมันหายไปไหม วงจรความหงุดหงิดโมโหร้อนนั้นมันยังมีอยู่อีกหรือไม่ มันไม่มี มันหายไปแล้ว มันจะเกิดวงจรของความสบายอกสบายใจได้แอร์เย็น ๆ ขึ้นมาแทน
แต่พอออกประตูห้างไป เจออากาศร้อนระอุเหมือนเดิม เอ้า วงจรความสบายหายไปแล้ววงจรความร้อนเกิดขึ้นแทน หงุดหงิดอีกรอบ
อันนี้แหละเกิด–ดับ อันนี้คือองค์วิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งใช้สิ่งที่เกิดขึ้นในตัวเรานี่แหละเป็นเครื่องทำให้รู้ว่า นี่แหละเกิดดับ
แต่ว่า ณ ที่นี้ เราเอาแค่เราสังเกตตัวเรา ให้มีสติว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเรา เกิดความหงุดหงิดใช่ไหมเวลาเจอความร้อน แล้วก็พาลไปถึงเรื่องอื่นมากมาย แสดงว่าความหงุดหงิดนั้นเป็นของไม่ดี
เราห้ามความร้อนไม่ได้ แต่เราลดความหงุดหงิดลงได้ด้วยตัวของเราเอง
ด้วยภายนอก เช่น เลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนดี ไม่อมความร้อน ทาแป้งเย็นหรือฉีดสเปรย์เย็น
และด้วยภายใน คือ การมีสติกำหนดรู้ว่าเราคิดและรู้สึกอะไรอยู่ รู้สึกหงุดหงิดก็รู้ว่าหงุดหงิด อย่าให้เตลิดไปเป็นสิ่งอื่น อะไรอย่างอื่นที่มันเตลิดเปิดเปิงไป เช่น โมโหร้อนไปเหวี่ยงใส่คนอื่นอย่างที่บอกไปข้างต้น
หน้าร้อนยังคงอยู่คู่เราไปอีกหลายวัน และคงจะอยู่คู่เมืองไทยไปชั่วฟ้าดินสลาย สภาพแวดล้อมเรากำหนดได้ยาก แต่สภาพในใจเรากำหนดได้ เพื่อให้เราอยู่ในหน้าร้อนได้อย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ
อากาศร้อน แต่คนอย่าร้อนตามอากาศ ขอเจริญพร