สว.พบประชาชนภาคกลาง ร่วมกับทีมงานเพื่อนหมอหน่อย กิจกรรมปันน้ำใจ ให้กำลังใจ กับทีมเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานดูแลพี่น้องชาวสุพรรณบุรีในภาวะวิกฤติโควิด-19 แก่จังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ เนื่องใน วันแม่แห่งชาติ
นายอนุศักดิ์ คงมาลัย สมาชิกวุฒิสภา ในนามตัวแทนคณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนภาคกลาง และทีมเพื่อนหมอหน่อย ร่วมจัดกิจกรรมปันน้ำใจ ให้กำลังใจ กับทีมเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานดูแลพี่น้องชาวสุพรรณบุรีในภาวะวิกฤติโควิด-19 แก่ อำเภอต่างๆในจังหวัดสุพรรณบุรี โดยในวันแม่แห่งชาติ 12 ธันวาคม 2564 ได้แก่
1 รพ.สนาม อำเภอสามชุก ณ มหาวิทยาลัยราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์สุพรรณบุรี
2 รพ.สนาม ศูนย์ห่วงใยคนสุพรรณบุรี แห่งที่ 1 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี อ.เดิมบางนางบวช/
3 รพ.สนาม อ.เดิมบางนางบวช ณ หอประชุม อ.เดิมบางนางบวช
4 รพ.สนาม อำเภอด่านช้าง ณ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองด่านช้าง
5 รพ.สนาม อำเภอหนองหญ้าไซ ณ หอประชุม อ.หนองหญ้าไซ
6 รพ.สนาม อำเภอดอนเจดีย์ ณ วัดดอนเจดีย์
7 รพ.สนามอำเภออู่ทอง ณ ที่ว่าการอำเภอ อู่ทอง
และในวันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม 2564 ได้เดินทางไปมอบของสนับสนุนให้แก่อีก 3 อำเภอ 4 แห่ง ได้แก่
8 รพศ.เจ้าพระยายมราช(แม่ข่าย) อำเภอเมืองสุพรรณบุรี
9 รพ.สนามบางปลาม้า ที่อาคารพระปริยัติ วัดสวนหงส์
10 ที่ว่าการอำเภอสองพี่น้อง
11 วัดศรีสำราญ อำเภอสองพี่น้อง
ทั้งนี้ นายอนุศักดิ์ กล่าวว่า คณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนภาคกลาง โดย พลเอกสิงห์ศึก สิงห์ไพร นายวิทยา ผิวผ่อง ได้มอบให้คณะฯ ร่วมจัดกิจกรรมขึ้นเพื่อ เพื่อเป็นการบำเพ็ญสาธารณ ประโยชน์ ถวายเป็นพระราชกุศล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๔
จากการประมวลสถานการณ์พบว่า แม้ในบางพื้นที่จะเริ่มคลี่คลายควบคุมได้แต่ก็ยังมีบางพื้นที่ที่มีการย้ายถิ่นจึงกลายเป็นการเติมจำนวนผู้ติดเชื้อให้ต่อเนื่องยังไม่สามารถลดลงได้รวดเร็วจึงจำเป็นต้องควบคุมดูแลอย่างเข้มงวดต่อไป นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่มีโรคประจำตัวและได้ใช้ยาฟ้าทะลายโจรในช่วงแรกเลนจะควบคุมอาการของโรคได้ดี แม้แต่ในคลัสเตอร์ที่หมู่ 8 ตำบลแจงงามอำเภอหนองหญ้าไซ ก็สามารถควบคุมจนเปิดหมู่บ้านได้เป็นปกติแล้ว ดังนั้น จึงมีความเห็นสนับสนุนให้ประชาชนปลูกสมุนไพรอย่างมีคุณภาพและขอให้รัฐบาลเร่งออกนโยยายให้ชัดเจนนอกจากจะเป็นการเพิ่มทางเลือกในการรักษาแบบป้องกันการลุกลามโรคทางเดินหายใจที่อาจติดมาได้ง่ายและลดความสูญเสียได้อย่างมากมายแล้วยังเป็นการส่งเสริมการพัฒนานวตกรรมของสินค้าทั้งห่วงโซ่ value chain ให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมทั้งคุณค่าทางสังคมที่มหาศาลในอนาคตอันใกล้อีกด้วย