ตรัง ศบค.ตรังขอความร่วมมือเรือนจำก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขังให้สวอปก่อน

ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดตรัง  ขอความร่วมมือจากเรือนจำก่อนที่จะปล่อยตัวผู้ต้องขัง ขอให้สวอปหาเชื้อโควิด -19 ก่อนที่จะปล่อยตัวออกจากเรือนจำ เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้ต้องขังจากเรือนจำจังหวัดสงขลา ซึ่งผู้ที่ถูกปล่อยตัวกลับมาจังหวัดตรัง และถูกนำตัวไปตรวจพบว่าผลเป็นบวก

ที่ศูนย์แถลงข่าว ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดตรัง ห้องลิบง ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดตรัง   นายแพทย์ ตุลกานต์ มักคุ้น นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลตรัง ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดตรัง  พร้อมด้วย แพทย์หญิง ทิพย์ลดา  บุญชัย นายแพทย์ชำนาญการ โรงพยาบาลตรัง ในฐานะรองโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดตรัง    ร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดตรัง  สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดตรัง   พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในพื้นที่  จำนวน   3  ราย  รับผู้ป่วยมาจากพื้นที่สีแดงเข้ม  จำนวน 6  ราย  และเป็นผู้ต้องขังพ้นโทษจากเรือนจำจังหวัดสงขลา  1  ราย  รวม 10  ราย  เป็นผู้ป่วยเพศชาย  4 ราย เพศหญิง 6 ราย เป็นคนไทยทั้งหมด โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้  อยู่ในพื้นที่ตำบลทับเที่ยง  อำเภอเมืองตรัง 2 ราย  เป็นผู้ติดเชื้อที่รับมาจากจังหวัดสีแดงเข้ม ,อำเภอห้วยยอด  2  ราย (ตำบลเขากอบ 1 และตำบลนาวง 1 ราย)  เป็นผู้ติดเชื้อที่รับมาจากจังหวัดสีแดงเข้ม  , อำเภอกันตัง  3  ราย (ตำบลกันตัง 1 ราย และตำบลบางเป้า 2  ราย ) ทั้ง 3 รายเป็นผู้ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดตรัง , อำเภอปะเหลียน  2  ราย (ตำบลเกาะสุกร 1  ราย เป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำจังหวัดสงขลา และตำบลแหลมสอม 1  ราย เป็นผู้ติดเชื้อที่รับมาจากจังหวัดสีแดงเข้ม   และตำบลวังมะปรางเหนือ อำเภอวังวิเศษ  1  ราย   เป็นผู้ติดเชื้อที่รับมาจากจังหวัดสีแดงเข้ม   รวมมียอดผู้ป่วยสะสมในระลอกเดือนเมษายน (1  เมษายน 2564 – 13 กรกฎาคม  2564)  จำนวน 1,752 ราย  อัตราพบผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยในรอบสัปดาห์  7.57 รายต่อวัน

นายแพทย์ ตุลกานต์ มักคุ้น นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลตรัง ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดตรัง  เปิดเผยว่า   มติของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ   เห็นชอบการฉีดวัคซีนโควิดสลับชนิด โดยเข็มที่ 1 เป็นซิโนแวค เข็มที่ 2 เป็นแอสตร้าเซเนก้า ระยะห่างกัน 3-4 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อกลายพันธุ์เดลตา    รวมถึงการฉีดวัคซีนแบบบูสเตอร์โดส  ด้วยวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า  หรือวัคซีน mRNA ที่มีใช้ในประเทสไทย  โดยให้วัคซีนเข็มที่ 3 ห่างจากเข็ม 2 ในระยะ 3-4 สัปดาห์ขึ้นไป   ในบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า เพื่อกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันสูง และเร็วที่สุดกับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่เสี่ยงสัมผัสเชื้อโควิด จากการปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วย และจากการกลายพันธุ์จากอัลฟา มาเป็นเดลตา จึงยิ่งมีความจำเป็นต้องฉีดกระตุ้น ทั้งนี้ได้ขอความร่วมมือจากเรือนจำ ก่อนที่จะปล่อยตัวผู้ต้องขังขอให้ทำการสวอปก่อนที่จะปล่อยตัวออกมาสู่ภายนอก เนื่องจากที่ผ่านมาเรือนจำจังหวัดสงขลาได้ปล่อยผู้ต้องขังออกมาและได้เดินทางกลับมาบ้านที่จังหวัดตรัง ไม่มีการตรวจแต่อย่างใด อีกทั้งจังหวัดสงขลายังเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม เมื่อผู้ที่ถูกปล่อยตัวได้เดินทางกลับมาบ้านที่จังหวัดตรัง ทาง อสม.และฝ่ายปกครองได้นำตัวไปตรวจหาเชื้อซึ่งผลปรากฏเป็นบวก ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรีบนำตัวไปรักษาและตรวจหาเชื้อบุคคลในครอบครัวอีกด้วย  และฝากถึงประชาชนหากไม่จำเป็นก็ไม่ควรเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง ที่มีการแพร่ระบาด อาจทำให้ติดเชื้อโควิด-19ได้