ดร.อุดม โปร่งฟ้า ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่าหลังจากที่ ฯพณฯบรรหาร ศิลปอาชา ได้ถึงแก่อนิจกรรมลงชาวสุพรรณบุรี ต่างมองว่าต่อไปกาสรพัฒนาสุพรรณบุรี จะไปในทิศทางใด เพราะเราขาดหัวเรือใหญ่ ในการที่จะพัฒนาบ้านเรา ต่อมาพอหลังจากที่มีการเลือกตั้งเราจึงเริ่มเห็นทิศทางที่จะมีผู้นำของเราเข้ามาดูแลสุพรรณบุรี ก็คือนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บุตรชายของท่าน ต้องบอกว่าจังหวัดสุพรรณบุรี ถือว่าเป็นจังหวัดที่โชคดีมากๆ ที่ยังมีทายาทของฯพณฯบรรหาร เข้ามาสานงานต่อ ก่องานใหม่ เพื่อดูแลพี่น้องชาวสุพรรณบุรี ในฐานะที่เราเป็นคนสุพรรณบุรีเราคงจะนิ่งเฉยหรือไม่ดูดำดูดี ปล่อยให้นายวราวุธ ทำงานคนเดียวก็คงไม่ได้
ดังนั้นวันนี้จึงเชิญทุกภาคส่วนของราชการ นำโดย นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผวจ.สุพรรณบุรี นายปรีชา ทองคำ นายชูชีพ พงษ์ไชย นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล ทหาร ตำรวจ สมาชิกสภาจังหวัด ผู้นำท้องถิ่น หลายๆแห่ง และอีกหลายหน่วยงานได้แสดงเจตนาที่จะร่วมมือร่วมใจจับมือกัน บูรณาการสุพรรณบุรี ให้มีความสวยงาม ในสิ่งที่ ฯพณฯบรรหาร ศิลปอาชา ได้ทำไว้ให้พวกเราตอนมีชีวิตอยู่ ดังนั้นเราจะต้องร่วมมือกันสานต่อทรัพย์สมบัติต่างเหล่านี้ ที่ท่านทำไว้ให้คงอยู่ยั่งยืนเป็นรูปธรรมเหมือนตอนสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
ที่ผ่านมานายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต้องตกเป็นแพะรับบาปของพวกเรามานานแล้ว เพราะว่าฝนไม่ตก น้ำไม่มี เกาะกลางถนนขาดความสวยงามต้นไม้แห้งแล้ง ทุกคนก็จะมาลงที่นายวราวุธ ว่าเป็นลูกไม้หล่นไกลต้น แต่จริงๆแล้วหน้าที่ต่างๆเป็นหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบอยู่แล้ว ซึ่งบางที่หลังจากที่ ฯฯพณฯบรรหาร เสียชีวิต การทำงานต่ออาจจะติดขัดไม่เดินหน้า ก็เพราะว่าเราไม่มีผู้นำ เมื่อไม่มีผู้นำ ความเสื่อมโทรมก็เข้ามา
แต่วันนี้เรามีผู้นำแล้ว คือนายวราวุธ หลังจากที่เข้ามาทำงานด้านการเมืองประมาณ 1 ปีเศษ ต้องบอกว่ามีการพัฒนาให้เป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเริ่มกลับมาเหมือนเดิมแล้ว ดังนั้นทุกภาคส่วนจึงมาจับมือกัน เพื่อที่จะแสดงสัตยาบันว่าต่อไปนี้เราจะร่วมมือกันพัฒนาสุพรรณบุรีอย่างยั่งยืน ตามเจตนารมณ์ของ ฯพณฯบรรหาร ต่อไป ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะต้องออกแอ็คชั่นร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่