เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2564 ที่ฌาปนสถานวัดไผ่ล้อม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ฌาปนสถานวัดไผ่ล้อมได้พบกับภาพสุดเวทนาลูกสาวกอดภาพพ่อร้องไห้แทบขาดใจ โทษตัวเองว่าเป็นผู้นำเชื้อโรค โควิด-19 มาแพร่เชื้อจนทำให้พ่อตัวเองเสียชีวิต โดยมีพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เป็นองค์ประธานในพิธีฌาปนกิจศพนายสมหมาย เกตพันธุ์ อายุ 70 ปี เป็นชาวบางเลน ที่เสียชีวิตด้วยโรคโควิดจากโรงพยาบาลนครปฐม เป็นรายที่ 49
จากการเผาศพโควิดของวัดไผ่ล้อม ซึ่งได้รับเชื้อโควิด-19 จากคนในครอบครัวที่ติดเชื้อกันทั้งบ้านรวม 5 คนแต่เนื่องด้วยนายสมหมาย นั้นมีโรคประจำตัวคือโรคความดันจึงทำให้มีอาการทรุดหนักลงเรื่อยๆและเสียชีวิตลงหลังจากเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 1 เดือน 4 วัน ซึ่งนายสมหมายนั้น มีบุตรธิดารวม 4 คนในส่วนของเรื่องที่เกิดภาพสุดเวทนานั้นก็คือบุตรสาวคนเล็กคือนางนงนุช เกตุพันธ์ ที่เสียใจจนเป็นลมล้มพับลงไปนั่งกับพื้น อยู่หลายครั้ง จนหลวงพี่น้ำฝนต้องเข้าไปปลอบโยนพร้อมให้ธรรมะให้ตั้งสติว่าเหตุที่เกิดไม่ได้เกิดจากตัวเราเป็นเพราะเชื้อโรคที่ไม่สามารถจะมองเห็นได้ และเป็นโรคร้ายที่กำลังระบาดอย่างหนักไปทั่วโลก ทำให้มีผู้สูญเสียจำนวนมากและเตือนว่าอย่าโทษตัวเองเลย โยมไม่ได้ทำให้พ่อตายแต่เป็นเพราะเชื้อโรคร้ายที่ระบาดอยู่อย่างหนักในขณะนี้
หลวงพี่น้ำฝน ยังกล่าวต่อว่าภาพแบบนี้อาตมาเห็นมาเยอะแล้ว มีหลายครอบครัว ที่บุตรหลานติดเชื้อโควิด-19 และโทษตัวเองว่าทำให้ญาติตัวเองเสียชีวิต ร่ำไห้เสียใจนั้นมันไม่ถูกต้องเลย เชื้อโรคที่ระบาดอยู่ขณะนี้เราไม่รู้เลยว่ามันอยู่ตรงไหนที่ไหนบ้างเป็นการยากต่อการป้อง สิ่งที่ทำได้คือเว้นระยะห่าง ไม่พูดคุยหรืออกจากบ้านโดยไม่สวมแมส และต้องมีเจลหรือแอลกอฮอล์คอยฉีดพ่นฆ่าเชื้อโรค ไม่ไปในที่เสี่ยง หลีกเลี่ยงที่มีคนชุมนุมเยอะๆ จากภาพที่เห็นนั้น นางนงนุชบุตรสาวคนเล็กของนายสมหมายได้ร่ำไห้แทบขาดใจเมื่อรถขนศพเคลื่อนจากโรงพยาบาลนครปฐมเข้ามาในวัดไผ่ล้อมรวมทั้งญาติๆต่างร่ำไห้เสียใจ แต่นางนงนุชบุครสาวคนเล็กนั้นที่ร่ำไห้อย่างสุดเวทนาจนเป็นลมล้มพับลงไปนั่งกับพื้นจนทางญาติๆต้องประคองตัวขึ้นมาและปลอบโยนอยู่หลายครั้งพร้อมกับร้องไห้คร่ำครวญโทษตัวเองว่าเป็นผู้นำเชื้อโรคมาแพร่จนทำให้พ่อตัวเองเสียชีวิตอยู่ตลอดเวลา และหลังจากการทำพิธีฌาปนกิจ เสร็จสิ้น นางนงนุชก็โผเข้าไปยืนกอดภาพพ่อที่ตั้งอยู่หน้าฌาปนสถานร่ำไห้แทบขาดใจพร่ำบ่นโทษตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าทำให้พ่อเสียชีวิต จนญาติญาติและหลวงพี่น้ำฝนต้องเข้ามาปลอบโยนอีกครั้ง ญาติๆที่ร่วมงานเห็นภาพต่างน้ำตาซึม รู้สึกอาลัยกับภาพที่เห็น อย่างมาก
ทางด้านหลวงพี่น้ำฝนยังกล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุนสวดเผาฟรี วัดไผ่ล้อม นั้นดำเนินการทุกอย่างให้จนเสร็จสิ้นพิธีเฉกเช่นศพนี้ก็เช่นกันได้ขอความอนุเคราะห์มาทาง กองทุนสวดเผาฟรี ในการติดต่อขอนำศพมาฌาปนกิจ ทางวัดไผ่ล้อมก็จัดทำให้ทุกอย่างตลอดจนจบพิธีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย สุดแต่ญาติๆจะทำบุญมากน้อย หรือไม่มี ทางกองทุน สวดเผาฟรี ก็ยินดีที่จะดำเนินการให้ฟรีหมดทุกราย ตั้งแต่ น้ำมันเผาศพ เครื่องจตุปัจจัยไทยธรรม รวมถึงถ้าไม่มีรถรับศพทาง กองทุนสวดเผาฟรี ก็มีรถไปรับศพมาฌาปนกิจให้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเช่นกัน ขอเจริญพร