วันที่ 2 มิถุนายน 2564 กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย นำโดย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัดโดยนายพีระ อุดมกิจสกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัดร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ในการให้บริการจัดส่งผลิตภัณฑ์ OTOP ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชน กับ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด โดยมีนายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ผู้บริหาร ข้าราชการ กรมการพัฒนาชุมชนนายสุรพล นิลบน รองกรรมการผู้จัดการบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด และคณะกรรมการผู้จัดการฯ นางสาวนารีรัช อุทัยแสงสกุล ประธานเครือข่าย OTOP สระบุรี ตัวแทนผู้ประกอบการศูนย์ OTOP คอมเพล็กซ์สระบุรี (พุแค) ตลอดจนสื่อมวลชน ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธี ณ ห้องประชุม 3003 ชั้น 3 กรมการพัฒนาชุมชนอาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การให้บริการจัดส่งผลิตภัณฑ์ OTOP ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย กับ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด ในครั้งนี้ เป็นนโยบาย Digital Economy ของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ผลิตผู้ประกอบการ OTOP ค้าขายออนไลน์ และสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ได้ โดยเฉพาะในเรื่องของบริการขนส่ง (Logistics) เป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการกระจายสินค้า ที่นโยบายรัฐบาลจะเข้ามาช่วยลดต้นทุน และลดภาระด้านการขนส่งแบบครบวงจรอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการยกระดับมาตรฐานการบริการสู่ผู้บริโภค ให้ได้รับสินค้าในราคาที่เป็นธรรม ที่เป็นสินค้าของคนในชุมชนทั่วทั้งประเทศ ซึ่งจะก่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชน สู่ครัวเรือน ส่งผลให้เศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็ง ปรับตัวฝ่าวิกฤติและผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) พร้อมก้าวสู่การเจริญเติบโตที่มั่นคงในอนาคต
“ขอขอบคุณ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด ในการจับมือร่วมกันในการให้ความช่วยเหลือพี่น้องคนไทย ที่ทำมาหากินประกอบอาชีพโดยสุจริต โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมถึงมีการใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นไทยแท้ๆ ทำให้มีมูลค่า อาทิ ผลผลิตทางการเกษตร พืช ผัก ผลไม้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าผลผลิตเหล่านี้กลายเป็นชื่อเสียงสัญลักษณ์ในหลายจังหวัด หรือประจำภูมิภาค ด้วยภูมิปัญญา ความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ของพี่น้องในแต่ละท้องถิ่น ยังได้มีการสร้างมูลค่าเพิ่ม แปรรูปไปในรูปแบบต่างๆ จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ที่มีอยู่หลากหลายในปัจจุบัน ซึ่งในการลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้จะเป็นการช่วยเหลือ ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ให้เขาได้มีโอกาสได้ส่งสินค้า และมีช่องทางในการกระจายผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้กระจายออกไปอย่างแพร่หลาย ทั่วประเทศและทั่วโลกอย่างประหยัด และมีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ถูกลง”
อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวด้วยว่ากรมการพัฒนาชุมชนในฐานะหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคงและชุมชนพึ่งตนเองเองได้ มีหน้าที่ในการสนับสนุนดูแลผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีจากการประกอบอาชีพที่มั่นคง และมีศักยภาพพอที่จะแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ได้ โดยเฉพาะในเรื่องของบริการขนส่ง (Logistics) จึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ในการกระจายสินค้าซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดอ่อนที่กลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบ OTOP ที่โดยมากเป็นกิจการอุตสาหกรรมในครัวเรือน ผู้ประกอบการรายเล็ก ที่ไม่มีทุนทรัพย์มากพอทำให้เอื้อมไม่ถึงกระบวนการขนส่งที่ครบวงจร เพราะฉะนั้น ความร่วมมือของ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด จึงเป็นการเติมเต็ม ปิดจุดอ่อนดังกล่าว ผู้ผลิต ผู้ประกอบ OTOP สามารถลดต้นทุน และลดภาระด้านการขนส่ง ในอัตราราคาที่พิเศษ ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจากภูมิปัญญาชุมชน กระจายไปถึงมือคนไทยทั่วประเทศ และในระดับโลกได้ไม่ยาก
ทั้งนี้กรมการพัฒนาชุมชน ได้ขับเคลื่อนงานร่วมกับผู้ผลิต ผู้ประกอบ OTOP มาตั้งแต่ปี2544 ถึงปัจจุบัน จนมีผู้ผลิต ผู้ประกอบการ จำนวน 93,214 กลุ่ม และผลิตภัณฑ์ จำนวน208,267 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งได้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านคนเนื่องจากกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการก็จะมีภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนงาน ซึ่งผลจากการดำเนินงานที่ผ่านมาได้ก่อให้เกิดรายได้แก่ชุมชนและประชาชนในท้องถิ่นต่างๆรวมทั้งเกิดการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชุมชนอย่างแพร่หลาย และในปัจจุบัน กรมการพัฒนาชุมชนได้ขับเคลื่อนโครงการสำคัญในการน้อมนำหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่“โคก หนอง นา ” ซึ่งโครงการนี้จะเป็นอีกกลไกหนึ่งในการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่ประชาชนในชุมชนเพิ่มเติมขึ้นมาอีกหลายหมื่นครัวเรือนที่จะใช้พื้นที่ดินของตัวเองในการที่ทำ โคก หนอง นา ในการเพาะปลูก และเลี้ยงสัตว์ ซึ่งในอนาคตผลผลิตจากพื้นที่โคกหนอง นา ก็จะเพิ่มมากขึ้น เช่น กล้วย มะละกอ ผัก เป็นต้น ซึ่งทางไปรษณีย์ไทยจะเป็นตัวกลางในการช่วยเหลือพี่น้องที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา พช.” ซึ่งผลผลิต และผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนั้นออกมาจากใจของพี่น้องที่เข้าร่วมโครงการฯ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และดีที่สุด การที่ไปรษณีย์ไทยได้มาช่วยในการกระจายสินค้าในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการในการกระจายสินค้า และยังได้ช่วยให้คนที่อยู่พื้นที่ไกลได้บริโภคผลผลิตภัณฑ์ที่อร่อยๆ และมีคุณภาพ ในราคายุติธรรม และรวดเร็วในการจัดส่ง ซึ่งจะทำให้สินค้าเกษตร สามารถส่งผ่านจากผู้ผลิตไปถึงผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม โดยที่ยังคงคุณภาพของผลผลิต ตอบโจทย์ให้ผู้ผลิตพบผู้บริโภคได้โดยตรง ซึ่งเป็นเรื่องที่วิเศษสุด จะทำให้เป็นหลักประกันได้ว่า ผู้บริโภคจะได้สินค้าในราคาไม่แพง สินค้ามีคุณภาพ สร้างความยั่งยืน อยู่คู่กับคนไทยตลอดไป ที่ช่วยกันผลักดันและขับเคลื่อนให้ผู้ประกอบลดต้นทุนในการขนส่งสินค้าไปยังผู้บริโภค และเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายสินค้า รายได้เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ด้าน นายพีระ อุดมกิจสกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัดกล่าวว่า “บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทไปรษณีย์ไทย เป็นหน่วยงานที่อยู่ในสังกัดของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมโดยทางกลุ่มบริษัทไปรษณีย์ไทย เข้ามาสนับสนุนผู้ประกอบการ OTOP ในเรื่องของการทำเว็บไซต์การขายออนไลน์ เรื่องของการขนส่ง หรือ Logicode ซึ่งในส่วนของไปรษณีย์ไทยและไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่นถือว่าเป็น HUB หรือจุดกระจายสินค้าให้กับผู้ประกอบการแต่ละภูมิภาค ผู้ทั้งประกอบการรายใหญ่ รายย่อย และรายทาง สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยในส่วนของกิจกรรมความร่วมมือระหว่างกรมการพัฒนาชุมชน และ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด จะเป็นการบูรณาการผสานความร่วมมือพัฒนาชุมชน ส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ และผลิตภัณฑ์ OTOP และที่สำคัญคือการส่งเสริมช่องทางการตลาด สร้างโอกาสให้การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP มีความสะดวกและเชื่อมโยงกับผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น เชื่อว่าบริการของ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด จะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาชุมชนดังกล่าว และขานรับในนโยบาย Digital Economy ของรัฐบาล บรรลุเป้าหมายด้วยศักยภาพเครือข่ายไปรษณีย์ที่เข้าถึงชีวิตคนไทย สามารถรองรับความต้องการของผู้ใช้บริการและนโยบายรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเป็นฟันเฟืองพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน”