เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ที่ ฌาปนสถานวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมืองจ.นครปฐม ผู้สื่อข่าวเดินทางไปวัดไผ่ล้อม พบเพื่อนๆหญิงสาววัย 21 ตายพร้อมลูกน้อยในท้อง 1 คน รอคอยรถขนศพด้วยความโศกเศร้า จากโรงพยาบาลนครปฐม ที่จะนำร่างไร้วิญญาณ ของ (น้องเก๋นามสมมุติ) วัย 21 ปี (ญาติขอปกปิดชื่อจริง พร้อมลูกน้อยในครรภ์ได้ 7 เดือน เพื่อมาทำพิธีฌาปนกิจ ที่วัดไผ่ล้อมแห่งนี้ ซึ่งเป็นศพที่ 29 และ 30 ที่ทางวัดไผ่ล้อม ได้ฌาปนกิจ โดยมีพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เป็นประธานจุดศพ ซึ่งทางวัดไผ่ล้อมถือเป็นวัดต้นแบบของประเทศ ที่มีการฌาปนกิจศพผู้ติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา โควิด-19 ตั้งแต่เริ่มมีการระบาดและมีการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 และจะเห็นได้ว่าวัดแห่งนี้มีมาตรการเข้มในการฆ่าเชื้อโรค ตั้งแต่เริ่มกระบวนการเปิดเตาเผาศพ เจ้าหน้าที่วัดสวมใส่ชุด PPE จะทำการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคทั่วโดยรอบบริเวณ ฌาปนสถาน และเมื่อรถขนศพเคลื่อนเข้าเจ้าหน้าที่วัดก็จะทำการฉีดพ่นผู้ที่มากับรถและฉีดพ่นรอบโลงศพ ก่อนที่จะทำการยกขึ้นฌาปนสถานเข้าเตาเผา ในทันที
สำหรับศพ(น้องเก๋นามสมมุติ) วัย 21 ปี ที่ตายพร้อมลูกน้อยในท้องอายุครบ 7 เดือนนี้ติดเชื้อโควิด-19 และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนครปฐม จนวันที่ 20 เชื้อโรคได้ลงปอดทำให้เสียชีวิตลงพร้อมลูกน้อย เป็นเรื่องน่าเศร้าแก่ญาติๆและผู้ทราบข่าว ซึ่งเชื้อโควิด-19 ระลอกนี้ถือเป็นอันตรายร้ายแรงที่คร่าชีวิตไม่ว่าจะเป็นเด็ก คนหนุ่ม สาว หรือคนสูงอายุ ดังนั้น การฉีดวัคซีนถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในขณะนี้
และในช่วงที่เวลา หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้ขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์เป็นประธานจุดศพและกดปุ่ม ปิดเตาเผา ปรากฏว่าได้เกิดเรื่องประหลาดใจขึ้น เมื่อหลวงพี่น้ำฝนได้กดปุ่มเพื่อปิดเตาเผาตามปกติเหมือนเช่นทุกศพ ปรากฏว่า เมื่อกดปุ่มดังกล่าวกลับไม่ทำงาน โดยหลวงพี่น้ำฝนได้กดปุ่มหลายครั้งแต่เตาเผาก็ไม่ยอมปิดจนกระทั่งหลวงพี่น้ำฝน ได้ว่าลูกเอ๋ยไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว ขอให้ไปพบดวงแก้ว ให้คลาดแคล้วบ่วงมาร ไปพบซึ่งพระนิพพาน นิพพานะปัจโยโหตุ จู่ๆระบบไฟฟ้าจึงกลับมาทำงาน และปิดประตูเตาเผาได้ตามปกติ
จากสอบถามเพื่อน(น้องเก๋นามสมมุติ) ทราบว่า ก่อนที่น้องเก๋ จะมาเสียชีวิต มีอาชีพขายไก่ ตามตลาดนัดซึ่งออกขายกับสามี และคาดว่าน่าจะติดเชื้อมาจากในพื้นที่ที่ไปขายของหลายแห่ง ซึ่ง (น้องเก๋นามสมมุติ) นั้นมีบุตรสาว 1 คนอายุประมาณ 2 -3 ขวบและยังมีน้องในครรภ์ 7 เดือนอยู่ในท้อง (น้องเก๋นามสมมติ) มีอาการป่วยมาหลายวันแล้วในช่วงตั้งท้อง กระทั่งปากเริ่มเปลี่ยนสี สามีจึงได้บอกให้มาตรวจและพบว่ามีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงได้มานอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนครปฐม จนมีอาการทรุดหนักก่อนจะมาเสียชีวิต เมื่อวันที่ 20 และปกติ(น้องเก๋นามสมมติ) มีน้ำหนักมากอยู่แล้วโดยตอนนี้ สามีของ(น้องเก๋นามสมมติ) ได้ไปตรวจเชื้อพบว่ามี การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่นกัน และยายของ(น้องเก๋นามสมมุติ) ที่อยู่บ้านเดียวกันก็ติดเชื้อด้วย ซึ่งมีบ้านพักอยู่ในอำเภอสามพราน และมีคนอาศัยอยู่ 9 คน ติดเชื้อ 5 คนและเสียชีวิต 1 คนคือ(น้องเก๋นามสมมติ) โดยยายของ(น้องเก๋นามสมมุติ) ที่ยังนอนรักษาตัว และยังไม่ทราบว่าหลานสาวเสียชีวิตพร้อมเหลนไปแล้ว ซึ่งทางญาติยังยังปกปิดเรื่องดังกล่าวเนื่องจากกลัวจะเกิดอาการช๊อค ในช่วงรักษาตัว
ทางด้านพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน ได้กล่าว่า สำหรับกรณี(น้องเก๋นามสมมุติ) นี้ทราบข่าวว่า ทางผู้ตายนับถือศาสนาคริสต์ ไม่สามารถทำพิธีฝังได้ตามปกติ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง จึงได้ประสานมาให้ทางวัดไผ่ล้อมดำเนินการให้ และทางวัดไผ่ล้อมก็พร้อมที่จะรับ หากมีเอกสารครบถ้วน โดยไม่มีการแบ่งแยกใดๆทั้งสิ้น และสำหรับกรณี(น้องเก๋นามสมมุติ) นี้น่าหดหู่ใจ เพราะทราบว่าผู้เสียชีวิตรายนี้อายุเพียง 21 ปี ถือว่าน้อยที่สุดที่วัดไผ่ล้อมเคยจัดพิธีเผาศพโควิดให้ โดยเป็นการเผาผู้เสียชีวิตถึง 2 รายในเวลาเดียวกันทั้งแม่และลูกในท้อง นับเป็นรายที่ 29 และ 30 ที่ฌาปนสถานแห่งนี้ ได้เผาศพผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19
” กรณีนี้ทางเพื่อนของผู้ตายก็ขออนุเคราะห์จัดงานแบบสวดเผาฟรี ซึ่งทางวัดก็จัดให้และวัดไผ่ล้อมไม่มีนโยบายเรียกรับหรือเก็บเงิน โดยมีกองทุนสวดเผาฟรี อยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดยังหนักหน่วง มีผู้เสียชีวิตทุกวัน ก็ขอให้ญาติโยมตั้งการ์ดให้สูง การสวมแมสคือสิ่งสำคัญ และวัคซีนที่ดีที่สุดคือตัวเรา ที่จะเป็นการป้องกันตัวเองและผู้อื่น อยู่กัน 2 คน ไม่ว่ากับใครก็ต้องสวมแมสเอาไว้ นี่คือการป้องกันไว้ดีกว่าแก้ แย่แล้วจะแก้ไม่ทัน” หลวงพี่น้ำฝน กล่าวปิดท้าย