เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 11 พฤษภาคม 2564 ที่ฌาปณสถานวัดไผ่ล้อม อำเภอเมืองจังหวัดนครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เป็นประธานในพิธีฌาปณกิจศพ นางสาวสมพิศ ศรีเกิดครืน อายุ 88 ปี เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่ โรงพยาบาลบางไผ่ กรุงเทพฯ ซึ่งคนในครอบครัวติดโควิดกันหมดทุกคนต้องรักษาและกักตัวที่โรงพยาบาลสนาม โดยในวันนี้มีเพียงหลานชาย4คนที่ไม่ได้ใก้ลชิดผู้ป่วยโควิด มาดำเนินการทางศาสนาให้ ซึ่งนิมนต์พระสงฆ์4รูปสวดมาติกาบังสุกุลและหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เป็นประธานจุดศพ พร้อมให้โอวาท
หลวงพี่น้ำฝน ได้กล่าวว่า เจริญพรญาติโยมวันนี้เป็นวันที่11พฤษภาคมเป็นอีกวันนึง วันนี้อาตมภาพวันนี้ได้ไปทำการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดไปฉีดเรียบร้อยเมื่อเช้านี้ก็ไม่ได้มีอาการอะไรทั้งสิ้นที่อาตมาได้ไปในฐานะส่วนที่จะต้องไปพจญเชื้อโรคต่างๆนาๆเขาเลยให้ไปฉีดก่อน เพื่อเป็นการป้องกัน และขอบอกโยมว่าไม่มีอนตรายอะไรทั้งสิ้น ที่อาตมาฉีดมาก็ปกติทุกอย่าง ลุยงานทำงานได้ปกติเพราะนั้นคุณโยมได้ปรึกษากับแพทย์หลายๆคนแล้วว่าไม่มีเอฟแฟกอะไร เพียงแต่ทำตามที่หมอบอก ฉีดเสร็จก็นั่งรอดูอาการครึ่งชั่วโมงแล้วก็กลับ อาตมาไม่มีอะไรปกติทุกอย่าง ทั้งที่เรานี่มีโรคเบาหวาน มีโรคเบาหวานเป็นตัวหลักมีความดันนิดหน่อย หมอก็ตรวจเป็นอย่างดีแล้วก็วัดความดันปกติแล้วก็ฉีดวัคซีน ตามปกติเข็มที่1และเข็มที่2วันที่1มิถุนายน จึงอยากจะประชาสัมพันธ์ญาติโยมว่าไปฉีดเถอะครับ ไปลงทะเบียนแล้วก็ฉีดเถอะครับมันดีกับตัวเราเองไม่ได้อันตรายเลยขอยืนยัน
และวันนี้ก็เช่นกันเหมือนเดิมทุกวันมีการติดต่อมาจากโรงพยาบาลบางไผ่ว่าจะนำศพที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มาฌาปณกิจที่วัดไผ่ล้อมแห่งนี้ เป็นรายที่20 ในการเผาศพโควิดของทีมวัดไผ่ล้อม ชื่อ นางสาวสมพิศ ศรีเกิดครืน อายุ 88 ปี เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่โรงพยาบาลบางไผ่ กรุงเทพฯ และทราบข้อมูลว่าติดมาจากหลาน และคนในครอบครัวติดกันหมดทุกคนต้องรักษาและกักตัวที่โรงพยาบาลสนาม ซึ่งในวันนี้มีเพียงหลานชายสี่คน มาทำพิธีทางศาสนาด้วยความอาลัย เนื่องจากสถานการณ์ดรคติดต่อไวรัสโคโรนา โควิด-19 ที่ยังคงระบาดมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกๆวัน รวมทั้งมีผู้เสียชีวิตทุกวันซึ่งวัดไผ่ล้อมก็ไม่อยากจะให้มีการเผาศพญาติโยมที่ติดเชื้อโรคกันเพราะเป็นความสูญเสียที่สุดรันทด แต่ก็เป็นไปไม่ได้ และวัดไผ่ล้อมก็เผาศพติดต่อกันมาทุกวันๆละ1ศพ 2ศพบ้าง จึงถือเป็นเรื่องที่น่าวิตก ทุกๆคนควรจะต้องมีมาตราการเข้ม ไม่จำเป็นไม่ออกจากบ้าน หยุดเชื้อ ใส่แมส ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือน้ำบ่อยๆ ไม่รวมกุล่มคนจำนวนมาก ไม่ไปในที่เสี่ยงที่ทางราชการแจ้งประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เชื้อโรคลดลง ประชาชนจะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติต่อไป