เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2564 ที่ฌาปณสถานวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2564 ขณะ ร.ต.อ.หญิงพิชญพิมพ์ สุทธิวงศ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครปฐม ปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวนเวร ได้รับแจ้งเหตุ มีผู้เสียชีวิตที่ห้องฉุกเฉิน รพ.นครปฐม ดาบตำรวจรังสรรค์ อ่อนจ้อย อายุ 50 ปี ที่อยู่ 67 หมู่ที่ 2 ตำบลถนนขาด อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัด ศูนย์สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค7 โดยรับตัวมาจากห้องพัก จังหวัดนครปฐม ส่งรพ.นครปฐม ด้วยอาการหมดสติ มีไข้ เมื่อเวลาประมาณ 15.45 น. และเสียชีวิตลงเมื่อเวลา 16.51 น. จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่า ผู้เสียชีวิตไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีประวัติการรักษาพยาบาลที่ รพ.นครปฐม แต่ผู้เสียชีวิต อยู่ระหว่างการกักตัวเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2564 และมีอาการป่วย มีไข้สูง ทานอาหารได้น้อย ไอ มาโดยตลอดจนถึงก่อนเสียชีวิต ตรวจสอบเบื้องต้น ผู้เสียชีวิต ติดเชื้อโควิด-19 (ผลเป็นบวก) ติดเชื้อโควิด-19
โดยในวันนี้ทางแม่ของดาบตำรวจรังสรรค์ และญาติพี่น้อง ประมาณ 20 คน ได้มาร่วมพิธีฌาปณกิจศพแบบเร่งด่วนและเรียบง่ายโดยมี พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสววัดไผ่ล้อม เป็นองค์ประธานเผาศพ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประสบชัย มัสยะวณิชกูล รองผู้บังคับการศูนย์สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค7 ผู้บังคับบัญชาของดาบรังสรรค์ ได้มาเป็นประธานฝ่ายฆราวาส ร่วมด้วยเพื่อนนายตำรวจศูนย์สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค7 ร่วมพิธีอย่างเศร้าโศก
ซึ่งพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสววัดไผ่ล้อม ได้กล่าวว่า การเผาศพโควิดศพนี้เป็นศพที่ 9 แล้ว การดำเนินการเผาศพโควิดของวัดไผ่ล้อม นั้นเน้นความปลอดภัย การพ่นยาฆ่าเชื้อ ใส่ชุดป้องกัน ตั้งก่อนที่รถขนศพจากโรงพยาบาลจะเข้ามา ก็จะมีการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อรอบบริเวณ และการตรวจวัดอุณหภูมิผู้เข้าร่วมพิธี นั่งเว้นระยะห่าง เพื่อสร้างความปลอดภัย เมื่อรถขนศพเข้ามาก็จะมีเจ้าหน้าที่ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ และยกโลงศพขึ้นเตาเผาทันที โดยพระสงฆ์สี่รูปจะสวดมาติกา และมีการทอดผ้าบังสุกุล ที่บริเวณด้านล่างฌาปณสถาน โดยมีความปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็น จึงอยากจะฝากพระคุณท่าน หลวงพี่ หลวงพ่อ หลวงปู่ เจ้าอาวาสวัดทุกวัดให้ช่วยญาติโยมสงเคราะห์ในการเผาศพผู้ติดเชื้อโควิด ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เชื้อโควิดจะติดจากทางเดินหายใจคนตายแล้วเชื้อก็ตายแล้ว เพียงแต่ป้องกันให้ถูกวิธีเท่านั้นเอง ซึ่งหากวัดใดต้องการให้วัดอาตมาช่วยเหลือยินดีที่จะไปเป็นพี่เลี้ยงให้ เพื่อช่วยเหลือญาติโยมต่อไป
ทางด้าน หลานสาวดาบตำรวจรังสรรค์ ได้กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 เมษาที่ผ่านมาคุณน้าได้ไปจับคนร้ายที่จังหวัดสมุทรสาครซึ่งเป็นชาวพม่าและนำคนร้ายไปตรวจหาเชื้อโควิดปรากฏว่าติดโควิดและทางหน่วยงานของคุณน้าก็ได้ ให้ไปกักตัวที่โรงแรมดังกล่าวซึ่งเป็นที่สำหรับเจ้าหน้าที่ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิดจากการปฎิบัติหน้าที่เป็นเวลา 14 วันเพื่อเฝ้าสังเกตอาการแล้วจนมาถึงช่วงวันที่ 24 คุณน้าเริ่มมีไข้และเริ่มเหนื่อยจนช่วงเวลาประมาณ 4 โมงคุณน้าก็หมดสติก็จึงได้แจ้งรถโรงพยาบาลรีบไปปฐมพยาบาลจะมีชีพจรและรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลนครปฐมและระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาลแต่หัวใจเกิดหยุดเต้นไปอีกจนไม่สามารถจะช่วยฟื้นคืนชีพได้. ในส่วนของผู้ที่ใกล้ชิดคุณน้ามีภรรยา ลูกและคนใก้ลชิดรวม4คน ตอนนี้ถูกกักตัวรอผลตรวจว่าจะติดเชื้อโควิดหรือไม่ ในวันที่ไปจับคนร้ายมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน3คน ที่ปฎิบัติหน้าที่ในวันนั้นก็กักตัวที่โรงแรมดังกล่าวเช่นกัน แต่อยู่คนละห้องกับคุณน้า และก็อยากจะฝากให้ทุกคนระมัดระวังตัวกันด้วยเพราะโรคโควิดเป็นโรคที่อยู่ใก้ลตัวเราตลอดเวลา เราอย่าคิดว่าคนอยู่ใก้ลตัวเราไม่เป็นควรใส่แมสอยู่ตลอดเวลา ล้างมือ และก็เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงการที่อยู่ในชุมชนคนเยอะๆหรือจำนวนมากเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคโควิด-19
นางสาวธัญลักษณ์ กล่าวต่ออีกว่าครอบครัวรู้สึกภาคภูมิใจที่คุณน้าถึงจะติดโควิดแต่ก็ติดเพราะปฎิบัติหน้าที่ดีที่สุดแล้ว ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์สู้ต่อไปอย่าย่อท้อกับอุปสรรค์เพราะมันคือหน้าที่