วันที่ 10 เมษายน 2564 เวลา 10.30 น. พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ได้เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 38 ณ ห้องแสงเดือน ชั้น 2 อาคารพิพิธภัณฑ์พระรามเก้า องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ จังหวัดปทุมธานี
โครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากดำริของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ นับแต่ปีพ.ศ. 2548 เมื่อครั้งเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมอบให้องค์กร ภาครัฐ และเอกชนต่างๆร่วมกันพัฒนาเยาวชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดปัตตานี ยะลานราธิวาส สตูล และสงขลา ดำเนินการคัดเลือกเยาวชนที่มีฐานะทางครอบครัวยากจนมีความประพฤติดี แต่ขาดโอกาสมาเข้าร่วมกิจกรรมเรียนรู้ประสบการณ์ ทักษะ และการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมเดียวกันกับครอบครัวอุปถัมภ์พื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง
ตลอดเวลา 16 ปี ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมโครงการฯ มาแล้ว 37 รุ่น มีเยาวชนผู้ผ่านโครงการกลับไปทำประโยชน์เสริมสร้างคุณภาพชีวิตของตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม และจำนวน 8,666 คน มีเครือข่ายครอบครัวอุปถัมภ์ จำนวน 3,843 ครอบครัว ในปีพ.ศ.2564 นี้
คณะกรรมการได้ดำเนินการจัดกิจกรรมโครงการฯ รุ่นที่ 38 โดยนำเยาวชนทั้งสิ้น 320 คน ประกอบด้วยเยาวชนที่นับถือศาสนาอิสลามจำนวน 246 คน เยาวชนที่นับถือศาสนาพุทธ จำนวน 74 คน ครูพี่เลี้ยง 20 คน เข้าร่วมกิจกรรมระหว่างวันที่ 30 มีนาคม – 24 เมษายน พ.ศ.2564
ภายใต้กิจกรรมการเรียนรู้ศึกษาสังคมพหุวัฒนธรรม วิถีชีวิตของพื้นที่ที่มีความต่างกันทางศาสนา ประเพณี และวัฒนธรรม เยาวชน “สานใจไทย สู่ใจใต้” ได้เรียนรู้ปรับทัศนคติเชื่อมโยงความแตกต่างทางวัฒนธรรมประวัติศาสตร์ โดยตระหนักถึงความต่างกันแต่ก็อยู่ร่วมกันได้ เพราะมีความเป็นไทย เช่นเดียวกัน
อนึ่งโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ดำเนินการจัดกิจกรรมต่อยอดให้แก่เยาวชนได้แก่ การมอบทุนการศึกษา “สานใจไทย สู่ใจใต้” แก่เยาวชนได้ศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา นอกจากนั้นยังได้ส่งเสริมเครือข่ายชมรม “สานใจไทย สู่ใจใต้” แก่เยาวชน5 จังหวัด เพื่อให้เยาวชนฯ ได้รวมตัวสร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่ชุมชนในท้องถิ่น ต่อไป
จากอดีตถึงปัจจุบัน เยาวชน “สานใจไทย สู่ใจใต้” ได้นำความรู้ทักษะ ประสบการณ์กลับไปพัฒนาต่อยอดคุณภาพชีวิตของตน สังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมกันแก้ไขสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มีความสุขสมานฉันท์ต่อไป