กรมอุทยานแห่งชาติฯ ชี้ เจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ (ฉบับใหม่) เน้นการอยู่ร่วมกันของคนกับป่า ภายใต้แนวคิด ป่าอยู่ได้ คนอยู่ได้ พร้อมเดินสายจัดเวทีสัญจรทั่วประเทศสร้างการรับรู้ประชาชนต่อกฎหมายใหม่ ล่าสุดลงพื้นที่สุพรรณฯ ชาวบ้านตอบรับให้ความสนใจร่วมรับฟังเพียบ
ผอ.ส่วนฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ฯ กล่าวอีกว่า ในการเสวนาครั้งนี้ยังคงเน้นสาระสำคัญของพระราชบัญญัติกฎหมายใหม่เช่นเดิม โดยเฉพาะมาตรา 64 ซึ่งกำหนดให้มีการสำรวจการถือครองที่ดินของประชาชนที่อยู่อาศัยหรือทำกินในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ก่อนพ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ เพื่อนำไปสู่การจัดทำโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยชุมชนที่อาศัยในพื้นที่อุทยานฯ จะไม่มีสิทธิในที่ดินนั้น หากแต่สามารถอยู่อาศัยทำกินได้ตามกรอบที่กฎหมายกำหนด
ซึ่งกฎหมายฉบับใหม่นี้ จะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องการบุกรุกครอบครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติ
นอกจากนี้ กฎหมายใหม่ (มาตรา 65) ยังเปิดให้ชาวบ้านสามารถเก็บหาของป่าหรือหากินในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้ โดยอยู่ภายใต้กรอบที่กำหนด เช่น เป็นบุคคลที่ได้รับอนุญาตเก็บตามชนิด ตามประเภทที่ให้เก็บ เก็บในบริเวณที่ให้เก็บ เก็บในระยะเวลาที่ให้เก็บ เก็บเพื่อดำรงชีพอย่างปกติ ซึ่งข้อกำหนดเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและเป็นข้อผ่อนปรนที่ทำให้คนสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างสมดุล ขณะ เดียวกัน พ.ร.บ.ฉบับใหม่ ได้เพิ่มบทลงโทษให้มากขึ้น เพื่อที่ประชาชนจะไม่กล้าฝ่าฝืนกฎหมาย อาทิ ผู้ใดยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 400,000 -2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นต้น
นายทศพร กล่าวด้วยว่า อีกหนึ่งเรื่องที่ได้เพิ่มเติมเข้ามาในกฎหมายฉบับปรับปรุงใหม่คือ การจัดสรรรายได้ของอุทยานแห่งชาติส่วนหนึ่งจะใช้เพื่อการส่งเสริมการปฏิบัติงานและการพัฒนาพื้นที่ชุมชนรอบอุทยานแห่งชาตินั้นๆโดยรายได้ที่จัดเก็บก็เพื่อประโยชน์ในการรักษาสภาพความปลอดภัย ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย การให้บริการ และการอำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ ในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ นอกจากนี้ ข้อบัญญัติในพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ (ฉบับใหม่) จะช่วยให้พนักงานเจ้าหน้าที่ หรืออาสาสมัคร ได้รับสวัสดิการเพิ่มมากขึ้น ทำให้คุณภาพชีวิตของเจ้าหน้าที่ได้รับการดูแลช่วยเหลือในทุก ๆ ด้าน เช่น การเยียวยา หากเกิดการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ หรือแม้แต่การสนับสนุนเงินเพื่อการสู้คดี หากมีการฟ้องร้องจากคู่กรณี ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนมีขวัญและกำลังใจที่ดีในการทำงานอนุรักษ์ผืนป่าของเมืองไทยต่อไป
“กฎหมายเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งเท่านั้น แต่หัวใจสำคัญของการปกป้องผืนป่า สัตว์ป่า รวมไปถึงทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ คือ การที่คนไทยทุกคนได้เรียนรู้ว่า ป่านั้นสำคัญกับทุกคนมากแค่ไหน เมื่อเข้าใจเราก็จะรู้คุณค่าของป่าและจะไม่ทำลายมัน รวมทั้งจะช่วยกันดูแลเป็นหูเป็นตา คอยสอดส่องแจ้งเบาะแสการกระทำผิดให้เจ้าหน้าที่ทราบเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” นายทศพร กล่าวในตอนท้าย