ผอ.สคร. 5 ราชบุรี เตือนอากาศร้อนจัดระวังโรคอาหารเป็นพิษ และฮีทสโตรก

นายแพทย์สุเมธ องค์วรรณดี ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดราชบุรี กล่าวว่า โรคอาหารเป็นพิษ เกิดจากการกินอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนพิษของเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส มักพบในอาหารที่ปรุงสุกๆดิบๆ อาหาร   ไม่สะอาด และในอาหารที่ปรุงไว้นานๆ แล้วไม่ได้แช่เย็นหรือนำมาอุ่นก่อน  ทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดีและเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงอากาศร้อนจัดอาจทำให้อาหารบูดเสียง่ายกว่าปกติ และมักจะพบว่าเกิดจากการที่คนจำนวนมากกินอาหารร่วมกัน ที่พบได้บ่อย เช่น ในสถานศึกษา       ค่ายทัศนศึกษา งานบุญ งานประเพณีต่างๆ ซึ่งเป็นการประกอบอาหารจำนวนมากและเก็บไว้นาน และทำให้มีอาการหลังจากกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรคดังกล่าวอย่างรวดเร็ว  สำหรับอาการของผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษคือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายอุจจาระ ปวดหัว คอแห้งกระหายนํ้า อาจมีไข้ เป็นต้น สำหรับการช่วยเหลือเบื้องต้น ทำโดยให้สารละลายเกลือแร่โอ อาร์เอส หรืออาหารเหลวมากกว่าปกติ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ     การป้องกันที่ดีที่สุดประชาชนควรยึดหลัก “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ”

        นายแพทย์สุเมธ กล่าวต่อไปว่า ฮีทสโตรก(Heat stroke) เป็นอีกอาการที่พบบ่อยในช่วงอากาศร้อนจัด บางพื้นที่อาจ มีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส หากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ต่อเนื่อง      อาจเกิดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตเนื่องจากภาวะอากาศร้อนได้ จะมีอาการพบได้ตั้งแต่  ปวดศีรษะ หน้ามืด เพ้อ ชัก ไม่รู้สึกตัว หายใจเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ช็อก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้เสียชีวิตได้ สำหรับกลุ่มที่มีความเสี่ยงเป็นโรคลมแดดได้สูงกว่าคนทั่วไปมี 6 กลุ่ม ได้แก่ 1.ผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด เช่น ออกกำลังกาย  2.เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบและผู้สูงอายุ  3.ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง  4.คนอ้วน   5.ผู้ที่อดนอน และ 6.ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์   ประชาชนควรดูแลสุขภาพตนเอง  ดังนี้ 1.สวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อน ระบายความร้อนได้ดี  2.ควรอยู่ภายในบ้านหรือในที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก 3.ลดหรือเลี่ยงทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงกลางแจ้งนานๆ 4.สวมแว่นกันแดด สวมหมวกปีกกว้าง 5.ควรดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ เพื่อชดเชยการเสียน้ำในร่างกายจากเหงื่อออก           6.หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด  และ  7.อย่าทิ้งเด็ก ผู้สูงอายุ หรือสัตว์เลี้ยงไว้ในรถที่จอดอยู่กลางแจ้ง  ส่วนผู้ที่ออกกำลังกาย ควรเลือกในช่วงเช้าหรือช่วงเย็น เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศไม่ร้อนมาก และใช้เวลาที่เหมาะสม ผู้ที่มีโรคประจำตัวหากมีอาการผิดปกติ เช่น วิงเวียน ปวดศีรษะ ใจสั่น ตะคริว หน้ามืด ขอให้พบแพทย์หรือโทรขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ โทร 1669