เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน จุดไฟในใจคนฉบับที่แล้ว อาตมาได้กล่าวถึงพ่อแม่ประเภทแรกที่มีวิธีเลี้ยงลูกอย่างเป็นประชาธิปไตย มีความเอาใจใส่ลูกของตนเป็นอย่างดี จนวันนี้ลูกมีอนาคตที่สดใส ที่เป็นเช่นนี้ได้ก็ด้วยพ่อแม่เป็นส่วนสำคัญ ส่วนในฉบับนี้ อาตมาจะกล่าวถึงพ่อแม่อีกประเภทหนึ่ง เป็นพ่อแม่ที่รักลูกแหละ แต่ลูกก็ช่างร้ายกาจ พ่อแม่ก็ช่างกระไร ไม่เคยทันลูก คิดเข้าข้างตนเองเรื่อยไปว่า ลูกฉันจะดี คงไม่ชั่วร้ายอะไรนักหนา จนสุดท้ายก็ถึงจุดที่สายเกินแก้
กรณีนี้อาตมาพบเจอด้วยตนเอง เพราะแม่ของลูกคนนี้นำตัวมาฝากไว้ที่วัดไผ่ล้อม หวังจะแก้อาการติดยาเสพติด…
ภูมิหลังของคนคนนี้ ติดยาเสพติด มักจะหาเหตุโกหกแม่ หลอกขอเงินแม่เพื่อไปซื้อยาพาไปบำบัดแก้ติดยาเท่าไรก็ไม่หาย ฝ่ายลูกก็หลอกแม่ว่า ฉันเป็นโรคทางจิตเวช ต้องไปรักษาทางจิตเวช แม่ก็เชื่อว่าลูกเป็นโรคทางจิตเวชจริง ๆ ก็เลยพาไปรักษา หารู้ไม่ว่าแม่โดนลูกต้มเสียเปื่อย
รักษาก็ไม่ได้ เพราะนี่มันคืออาการคนติดยา สุดท้ายจึงนำตัวมาฝากไว้ที่วัดไผ่ล้อม มาอยู่ในความดูแลของอาตมาเสีย เผื่อจะแก้อาการได้ เพราะวัดไผ่ล้อมเองก็เป็นที่รู้กันว่าบำบัดคนติดยาเสพติดมานักต่อนักแล้ว จากขี้ยากลายเป็นคนได้ก็นักต่อนัก มาที่นี่น่าจะช่วยได้
แต่อาตมาก็ไม่นึกว่า ปลายทางมันจะพิสดารกว่าที่คิดไว้!
คนติดยาเสพติดนั้น เมื่อขาดสารเสพติดในร่างกาย ร่างกายจะออกอาการทุกวิถีทางเพื่อเรียกร้องสารเสพติด ทำทุกสิ่งเพื่อให้ได้เสพยา ให้มีสารเวียนอยู่ในเส้นเลือด อยู่ในสมอง มาอยู่วัดไผ่ล้อมมันไม่มียาให้เสพ แต่คนนี้ก็หาทางเผาหัวให้ตัวเองเมาได้ ทั้งกินยาแก้ไอ ดื่มเบียร์ ดมทินเนอร์ ของพวกนี้อาตมาจับทางได้อยู่แล้ว เพราะอาตมาผ่านมาเยอะ คนจำพพวกนี้ คนเราเวลาลงแดงก็หาอะไรใกล้ตัวมาเสพให้มึนเมา ยาแก้ไอ เบียร์ทินเนอร์ หาได้ไม่ยาก อาตมาก็จับได้
พอจัดการให้อยู่ห่างของมึนเมาทางเลือกแบบนี้ เจ้าคนนี้ก็ยังไม่ลดละเลิกล้มความตั้งใจ เอายาที่จิตแพทย์ให้มา กินเสียเกินขนาดจนเกิดอาการแก้ร่างกาย มึนเมาไปอีกพอเห็นอาการก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงสั่งห้ามกินยาอีก ให้สู้กับตนเองสักตั้งซิจะเป็นยังไง
ต่อมาก็พบว่าเมาอีก คราวนี้เมาจากไหน เมาจากยาของเพื่อน ธรรมดานั้นยาต้องกินตามขนาด ถ้ากินเกินขนาดก็ทำให้เมาได้ เหมือนคนกินยาแก้ไอมาก ๆ กินยาแก้ปวดมาก ๆ กดประสาท เคลิ้ม หรือถึงแก่ความตายได้เลย นี่ก็เคลิ้ม เยิ้มมาเลย สรุปคือไปขโมยยาเพื่อนมากิน จะได้เมาอีก อาตมาจับได้อีกแล้ว
อาตมาคิดว่าจะจบแค่นั้น แต่เปล่าเลย ครั้งล่าสุดก่อนที่อาตมาจะเขียนเรื่องนี้ อยากยาไม่ได้กินยา แม่ก็ไม่อยู่ให้อ้อน ให้หลอกเอาเงินไปซื้อยา ก็เริ่มชักจะเรียกร้องความสนใจ กินน้ำยาถูพื้น ฆ่าตัวตาย แต่ก็ร้องให้คนมาช่วย คนได้ยินเข้าก็รีบปฐมพยาบาลแล้วนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
แพทย์ช่วยชีวิต ล้างท้องได้สำเร็จ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นและมิอาจจะแก้ไขได้คือ น้ำยาเข้าไปทำลายข้างในคอได้รับความเสียหาย กัดคอหมดแล้ว ทำให้เสียงแหบ พูดไม่ได้อีก กลายเป็นคนพิการไป อาตมาก็ได้แต่ปลง คิดเสียว่าคงเป็นกรรมที่เขาและพ่อแม่จะต้องเผชิญ และเป็นกรรมชนิดทันตาเห็นด้วย
ญาติโยมทั้งหลายเอ๋ย! การกระทำทั้งหลายเหมือนทิ้งใบไม้ลงสายน้ำ มันไม่มีทางย้อนคืนกลับมาได้ แก้ไขก็ไม่ได้ ได้แต่รอรับผลที่ตนเองกระทำ ฝ่ายลูกนั้น เมื่อไร้สติ กินน้ำยาถูพื้น ซึ่งอาตมามาทราบเอาว่าจริง ๆ แล้วแค่อยากให้คนมาสนใจ แต่น้ำยาก็กัดคอจนกลายเป็นคนพิการด้านการพูดไปชั่วชีวิต แค่อึกเดียวนะโยม เปลี่ยนชีวิตคนทั้งชีวิตเลย ฉะนั้น ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม คิดก่อนทำ มีสติก่อนทำ อย่าให้การกระทำนั้นเป็นน้ำยาอึกนั้นที่พาชีวิตไปสู่หายนะชั่วชีวิต ส่วนพ่อแม่นั้น ที่ผ่านมาพ่อแม่ของเขามักจะเข้าข้างตัวเองเสมอ ประเภทที่พบตามข่าวบ่อย ๆ ว่าลูกฉันเป็นคนดี ลูกฉันคงไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น คิดโลกสวยเกินไป สรุปคือลูกติดยาอย่างรุนแรง และพร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ยามาเสพ เพื่อให้เป็นที่สนใจ ซึ่งกรณีแบบนี้ เกือบทั้งหมดเลยครอบครัวเป็นปัจจัยสำคัญ มักมาจากครอบครัวที่ไม่เอาใจใส่ลูกเพียงพอ คิดเองเออเองว่าลูกฉันจะเป็นแบบนี้ ๆ โดยไม่สังเกต และแก้ไขพฤติกรรมอย่างจริงจัง สุดท้ายลูกกลายเป็นคนล่องลอยไปตามกระแส ไปตามกิเลส ลอยไปสู่ด้านมืด คือยาเสพติด ในโลกที่เขาคิดว่าเขามีตัวตน เขามีความสุขกับมัน และตกเป็นทาสของมันแบบไม่รู้ตัว คนติดสารเสพติดทั้งหลายจะเป็นแบบนี้จริง ๆ และพอเป็นทาสมันแล้วก็โงหัวไม่ขึ้น ก็ตกเป็นทาสอยู่ต่อไป ฉะนั้น พ่อแม่พึงให้คุณค่าแก่ลูก ด้วยการเลี้ยงดูที่ดี มีความเอาใจใส่ทุกข์สุข ใช้ทั้งพระเดช และพระคุณในการดูแล ส่งเสริมความภาคภูมิใจในตนเอง เพื่อให้ลูกนั้นเป็นคนดีของสังคม โดยไม่ต้องพึ่งยาเสพติด อันนี้แหละที่เรียกว่า รักลูกอย่างถูกทาง ขอเจริญพร