พช. จัดกิจกรรม “Veget of Love : ปันผัก ปันรัก ปันสุข” ขับเคลื่อนการน้อมนำ แนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สร้างความมั่นคงทางอาหาร สู่แผนปฏิบัติการ 90 วัน ปลูกผักสวนครัวเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร รอบ 2
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานในกิจกรรม“Veget of Love : สสช. ปันผัก ปันรัก ปันสุข” การขับเคลื่อนการดำเนินงานการน้อมนำ แนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สร้างความมั่นคงทางอาหาร สู่แผนปฏิบัติการ 90 วัน ปลูกผักสวนครัวเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร รอบ 2 ในการนี้ นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่กรมการพัฒนาชุมชน ร่วมงาน โดยมีนางสาวนิภา ทองก้อน ผู้อำนวยการสำนักเสริมสร้างความแข็งชุมชน นำเยี่ยมชม ณโถงหน้าห้องสมุด ชั้น 5 กรมการพัฒนาชุมชน ภายในงานมีการจัดกิจกรรมมอบต้นกล้าผักให้กับผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน เพื่อนำไปเพาะพันธุ์ต่อ พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการและบูทอาหาร ชิมเมนูสุขภาพ กิจกรรมการแลกเปลี่ยน แบ่งปันพันธุ์ผักสวนครัว สาธิตการตำส้มตำลีลา และกิจกรรมการประกอบอาหารจากผักเพิ่มพลัง หยุดยั้งโควิด
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณ ผู้อำนวยการสำนักเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชน ที่จัดกิจกรรมร่วมกันในการช่วยกันปลุกระดมตัวเอง คนในครอบครัว ช่วยให้พี่ๆ น้องๆ ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศได้ตื่นตัว ในการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สร้างความมั่นคงทางอาหาร สู่แผนปฏิบัติการ 90 วัน ปลูกผักสวนครัวเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร ด้วยการปลูกผักปลูกรักเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารในวันนี้ ซึ่งโครงการฯ ดำเนินการมาเป็นปีที่ 2 ดำเนินการ ในระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึง 30 เมษายน 2564 อันเนื่องมาจากวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) การดำเนินการในปีที่ 1 นั้น ได้ตั้งเป้าหมายที่สำคัญว่า เราอยากเห็นการสร้างวัฒนธรรมการปลูกพืชผักสวนครัว สร้างความมั่นคงทางอาหาร สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราอยากเห็นความต่อเนื่อง โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงนำร่องที่บ้านโก่งธนูทั้งนี้เจ้าหน้าที่ของกรมการพัฒนาชุมชน ได้ไปศึกษาดูงานที่โก่งธนู มีการทำ KM ร่วมกัน สิ่งสำคัญเรื่องปลูกผักสวนครัว นั้นคือเราต้องลงมือทำ ต้องช่วยกันรณรงค์ เชิญชวนพี่ๆ น้องๆ เจ้าหน้าที่ของกรมการพัฒนาชุมชน และคนในครอบครัว ช่วยกันปลูกพืชผักสวนครัว ผลจากการปลูกผักเราจะได้กินผักปลอดสารไว้ประกอบอาหารในครัวเรือนสามารถแจกจ่ายผักให้เพื่อนบ้านได้ สาระสำคัญในเชิงเศรษฐกิจนั้นคือ เราไม่เจ็บไข้ได้ป่วยจากกินอาหารที่ปนเปื้อนยาฆ่าแมลง สารปนเปื้อน สารเคมี เราจะสุขภาพแข็งแรงเพราะเราได้ลงมือออกกำลังกายปลูกผัก รดน้ำพวนดิน ช่วยให้ครอบครัวมีความสุขเพราะคนในครอบครัวมีความรักความสามัคคี ช่วยกันทำกิจกรรมปลูกพืชผักสวนครัวสร้างความมั่นคงทางอาหาร ช่วยให้ครอบครัวของคนไทยลดค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้ยกตัวอย่างหากเราซื้อพืชผักสวนครัวแต่ละครัวเรือนๆ ละ 50 บาท ต่อวัน ยกตัวอย่าง12 ล้านครอบครัว วันหนึ่งเราสามารถทำให้คนไทยประหยัดรายจ่ายได้ถึง 600 ล้านบาท 1 ปี ใน 365 วัน รวม 2 แสนล้านบาท ช่วยทำให้เศรษฐกิจฐานรากมีความมั่นคงเพิ่มมากขึ้น ในทางอ้อมเราช่วยให้คนไทยไม่ต้องจ่ายเงินไปกับการรักษาตัวจากโรคภัยไข้เจ็บ ลดรายจ่ายในการซื้อพืชผักในการประกอบอาหารในครัวเรือน
อธิบดี พช.ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันนี้เราก็โชคดี กรมการพัฒนาชุมชนได้ MOU ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับสมาคมสื่อช่อสะอาด เมตตานำเอาสมาชิก ภาคีเครือข่าย ที่เป็นนักวิทยุ มีสถานีวิทยุกว่า 421 สถานี และพันธมิตร รวมแล้วเป็น 1,000 กว่าสถานีรวมเป็นพันธุ์ กระจายอยู่ในทุกจังหวัด เริ่มต้นที่ตัวท่านต้องปลูกผักให้ท่านกินก่อน ในเชิงคุณภาพ คือการทำจริง ต้องช่วยกันทุ่มเท ช่วยกันในการที่จะขับเคลื่อนฯคือการไปลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU กับ บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด(เมล็ดพันธุ์ผัก ตรา ศรแดง ) ได้มอบเมล็ดพันธ์ผัก ตรา ศรแดง จำนวน 100,000 ซองให้กรมการพัฒนาชุมชน ส่งต่อไปสู่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ โดยให้ส่งครบถ้วนโดยเร็ว และอีกโปรแกรมหนึ่ง คือท่านพัฒนาการจังหวัด พัฒนาการอำเภอ ต้องสื่อสารสร้างการรับรู้แก่นายกเทศมนตรี. นายก อบต. และพี่น้องประชาชนได้รับทราบ ว่าในช่วง 90 วันนี้ แผนปฏิบัติ จะซื้อเมล็ดพันธุ์ผักเพิ่ม มีโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 เหมือนการลด 50 ซื้อพริก 1 ซอง แถม 1 ซอง โดยเฉพาะนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ทำหน้าแก้ไขปัญหาความยากจน ให้รีบฉกฉวยโอกาสในการที่จะส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารในพื้นที่ของตนเอง ครัวเรือนหนึ่ง 1 ซอง ก็เหลือเฟื้อ ต่อพืชผัก 1 อย่าง อยากให้เขาปลูก 5 อย่าง ก็ให้ 5 ซอง
และเรื่องสำคัญต่อมา คือการพยายมสร้างสังคมแห่งความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ด้วยให้ทุกครัวเรือนรู้จักเก็บเมล็ดพันธุ์ผักที่มีอยู่ประจำบ้าน เป็นธนาคารเมล็ดพันธุ์พืช เพื่อที่จะใช้เพาะปลูกเองหรือแจกจ่ายให้กับเพื่อนบ้าน เช่น ชุมชนตำบลโกงธนู จังหวัดลพบุรีดำเนินการ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานมาให้ 10 ชนิด ต่อ 1 ครัวเรือน แต่ละครัวเรือน จะมีชนิดที่แตกต่างกัน 2 – 3 ชนิด และท้ายที่สุดแล้วแต่ละก็จะกลาย เป็น 12 กลายเป็น 16 กลายเป็น20 ชนิด เพราะสังคมของการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักเก็บและแบ่งปัน บ้านนี้ยังไม่มีถั่วพู เอาเมล็ดถั่วพูไป บ้านนี้ยังไม่มีมะเขือม่วง เอาเมล็ดมะเขือม่วงไป บ้านนี้ยังไม่มีฟักทอง เอาเมล็ดฟักทองไป จะทำให้ภารกิจในการช่วยกันขับเคลื่อนสังคมเป็นสังคมที่น่าอยู่ ผู้คนน่ารัก เกิดขึ้นได้ ขอบคุณทุกท่านและเป็นกำลังกายกำลังใจที่เข้มแข้ง มีความมุ่งมั่นทำความดีให้กับครอบครัวให้กับสังคม ด้วยเรื่องง่ายๆ ด้วยการปลูกผักสวนครัวที่บ้านของตนเอง และช่วยกันแชร์รูปภาพ แชร์เรื่องราว ผ่าน Facebook ปลูกพืชปลูกผักปลูกรักกับ พช. ทำให้พืชผักสวนครัวเป็นแหล่งที่สำคัญ เป็นแหล่งอาหารที่ปลอดภัยกระจายให้เต็มแผ่นดินไทยของเรา สมดั่งที่พวกเราทุกคนตั้งใจ