เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน มีสำนวน คำพังเพยไทยอยู่บทหนึ่ง คือ “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” หมายถึง ลูกย่อมไม่ต่างจากพ่อแม่ เสมือนผลไม้ เมื่อสุกงอมจนหล่นลงก็หล่นไปไม่เคยไกลต้น พ่อแม่เป็นอย่างไร ลูกก็เป็นอย่างนั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตามที
วันหนึ่ง มีโยมผู้ชายคนหนึ่งมาหาอาตมา เมื่อเห็นหน้าอาตมาแล้วก็รำพึงรำพันต่าง ๆมากมาย รำพันว่านี่เป็นเวรกรรมแท้ ๆ ลูกสรรหาแต่เรื่องมาให้ นี่ต้องไปเคลียร์คดีให้ลูก ไม่รู้จะเป็นอย่างไรต่อไปเลย แต่เราก็เป็นพ่อ เราก็ต้องช่วยลูกให้ถึงที่สุด
ทำไมเขาจึงบอกเป็นเวรกรรม เรื่องนี้มีที่มา…
โยมผู้ชายคนนี้ สมัยยังเป็นหนุ่มก็เรียกได้ว่าเป็นเพลย์บอยตัวพ่อ ชีวิตรื่นเริงบันเทิงใจไปไหนก็มีเรื่องตีกับชาวบ้านเขา เจอนักเลงก็เป็นอันตี เจอสตรีก็เป็นอันได้เมีย เมียเยอะมีไปทั่ว ชีวิตเป็นเสือขนานแท้
พอถึงคราวมีลูก ลูกเติบโตขึ้นมาก็เหมือนฉายหนังซ้ำ ฉายชีวิตของตนเองให้ดูอีกครั้งลูกของตนเองนั้นก็เป็นพวกชอบต่อยตี ชอบมีเรื่อง แถมมีเมียมาก ลูกก็มากตามไปด้วยเรียกได้ว่าลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ความที่ชอบมีเรื่อง มีเหตุทะเลาะวิวาทอยู่ตลอด ก็รุนแรงมากขึ้นจนถึงขั้นยิงกัน ใช้อาวุธปืน ปรากฏว่ายิงกันแล้ว คู่กรณีไม่ตาย แต่ฝ่ายคนยิงก็ต้องเคลียร์คดี เพราะก็เป็นความผิดอาญาอยู่ดี ไหนจะต้องเคลียร์ค่าเสียหายอีกค่ารักษาพยาบาล สินไหมทดแทน เรียกได้ว่ากระสุนนัดเดียว เปลี่ยนชีวิตคนยิงจากคนปกติ กลายเป็นคนมีคดีติดตัว มีพันธะมากมาย ถ้าไม่หนีก็ต้องสู้คดี แต่ถ้าหนีก็ต้องหนีจนอายุความหมด เหมือนกับตายทั้งเป็น ค่าเสียหายบางทีฟ้องร้องกันจนหมดเนื้อหมดตัวอีก โยมผู้ชายคนนี้รู้สึกหม่นหมองมาก ใจหนึ่งก็โมโหลูก โกรธลูกที่เป็นเช่นนี้ มีแต่หาเรื่องมาให้ หามาให้เยอะ ๆ เลยนะ! แต่เมื่อลูกพบกับมรสุม (ที่เดินเข้าไปหาเอง) เช่นนี้ ก็ต้องเข้าไปช่วย ไปแก้ปัญหาให้อยู่ดี
นี่จึงเป็นเหตุที่ทำให้โยมคิดว่า นี่คือเวรกรรม แต่ถามว่า เรื่องนี้มาจากเวรกรรมจริงไหม
“จริง”
แต่มิได้เป็นเวรกรรมมาจากภพจากชาติไหนหรอก เป็นเวรกรรมจากการกระทำของตนแล้วจึงส่งผลถึงลูก ถึงมีมาจากชาติไหน ๆ ก็น้อยนักเมื่อเทียบกับการเลี้ยงดูแต่เยาว์วัยในชาตินี้ ปกติแล้วเด็กคล้ายผ้าขาว มันอาจจะมีจุดมีด่างบ้างตามแต่บุญทำกรรมแต่งแต่ชาติปางก่อน ซึ่งก่อนเราจะได้ผ้าขาวนี้มา เราทำอะไรไม่ได้ แต่พอมาถึงตรงนี้แล้วเราได้ผ้าขาวดุจแก้วตาดวงใจ ก็เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะแต่งแต้มสีสันลงบนผ้าขาวเด็กนั้นซึมซับพฤติกรรมผู้ใหญ่ได้มากกว่าที่คิด
บางทีเราทำอะไรที่ไม่ดีไม่งาม เราอาจจะคิดว่า เด็กมันยังเล็ก มันไม่รู้อะไรหรอก แต่หารู้ไม่ เด็กจำ เด็กซึมซับ และมันก็กลายเป็นตัวตน อุปนิสัยใจคอของเด็กคนนั้น ไม่เชื่อลองสังเกตบุตรหลานใครก็ได้ ถ้าเด็กโตในบ้านของคนพูดเก่ง เด็กคนนั้นก็จะพูดจาเป็นต่อยหอย แต่คนไหนโตในบ้านที่พูดน้อย เด็กคนนั้นก็พูดน้อย ไปโรงเรียนก็มักจะเป็นคนพูดน้อย ก็เพราะเด็กเห็น เด็กได้ยินบรรยากาศของความต่อยหอย หรือเงียบสงบหรือสมัยนี้ เด็กติดโทรศัพท์มือถือมาก เห็นคนในคลิปบ่อยกว่าหน้าพ่อแม่เสียอีก ลองสังเกตดูว่าคำพูดคำจาก็จะเป็นภาษาการ์ตูน เป็นภาษาคลิป โดยที่การ์ตูนมันก็ไม่ได้สอนให้พูด คลิปไม่ได้สอนอะไรในเรื่องการพูดจา แต่น้ำเสียง ท่าทาง ก็เป็นไปแล้ว เช่นเดียวกับกับการที่เด็กเห็นพ่อแม่ เห็นอย่างไร ลูกก็เป็นแบบนั้น คำว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นที่โบราณว่า มันเป็นเช่นนี้ ถ้าความไม่ดีไม่งาม ความก้าวร้าวมันซึมซับในตัวเด็กเด็กทำไม่ดี เราดุ เด็กก็ด่ากลับให้ แล้วเราก็ระอา ปล่อยเลยตามเลย ความไม่ดีไม่งามก็ยิ่งบ่มเพาะ ฝังลึกขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายเราก็ทำอะไรไม่ได้อีกเลย
เพราะฉะนั้น ตั้งแต่วัยเด็ก เด็กเห็นอะไร โตไปก็เป็นอย่างนั้น มีลูกก็ต้องปลูกฝังความดีงามเสียแต่ยังเล็ก จะให้มาเรียนรู้ตอนโตนั้นไม่ได้ ไม่ทันการแล้ว มันฝังเป็นนิสัยแล้วและการปลูกฝังที่ดีที่สุดไม่ใช่การพร่ำสอน นี่นะต้องหนึ่งสองสามสี่ แต่สิ่งแวดล้อมที่เด็กอยู่นี่แหละสำคัญที่สุด ต้องพยายามสร้างบรรยากาศที่ดีงามให้เด็กเห็นอยู่เสมอ ในกรณีนี้ ลูกคงจะเห็นสิ่งเหล่านี้ เรื่องสุรา นารี ภาชี กีฬาบัตร ตั้งแต่ยังเด็ก พอโตขึ้นมาก็เลยซ้ำรอยเดิม เป็นเวรกรรมที่เห็นได้ทันตาเลยทีเดียว จนมันเกิดเรื่องเกิดราว เป็นคดีความกันขึ้นมา จะแก้ไขก็ไม่ทันแล้ว และบางทีอาจจะสายเกินไป เพราะดูบางคนก่อคดีซ้ำแล้วซ้ำอีก เข้าออกคุกราวกับเข้าออกบ้าน แสดงว่าการบ่มนิสัยใหม่ยามที่โตแล้วสำหรับบางคนนั้นไม่ช่วยอะไร พอเป็นแบบนี้เลยได้แต่ไปช่วยเคลียร์คดี แก้ไขในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นความขึ้นมาแล้ว ซึ่งก็น่าเสียดายที่ลูกก็ถลำลึกมาถึงขั้นนี้ จากเรื่องเล็กๆ น้อย ๆ ก็มาเป็นเรื่องใหญ่ถึงขั้นทำคนบาดเจ็บ ใช้อาวุธประหัตประหาร การแก้ปัญหาของลูกนั้นต้องมาแก้เพื่อบรรเทาผลของการกระทำความผิด แทนที่จะได้แก้เพื่อไม่ให้ทำความผิด นี่คือความน่าเสียดายอย่างยิ่ง
ชีวิตที่เหลือจากนี้ อาตมาก็อยากให้โยมผู้ชายใช้เวลาที่เหลือของตน พยายามเปลี่ยนความคิด ทัศนคติ นิสัยเสียใหม่ จะเปลี่ยนได้มากเปลี่ยนได้น้อยแต่ก็ต้องพยายาม ต้องช่วยนำทางให้ลูกคิดได้ และไม่ทำผิดอีก มิฉะนั้นก็จะมีแต่เรื่องมาให้ร่ำไปไม่จบสิ้น!
อาตมาขอฝากถึงทุกคน คนที่เป็นลูก ขอให้รู้ ใช้ปัญญาในตนตรองดูว่า จิตวิญญาณของความเป็นพ่อแม่นั้นเป็นเช่นนี้จริง ๆ รักลูกเสมอ แม้จะไม่แสดงออก หรือแม้เราจะชั่วร้ายเพียงใดก็ตาม พ่อแม่ก็คอยไปแก้ปัญหาให้เราอยู่ดีแม้จะลำบากแค่ไหน หรือแม้ว่าเราจะเป็นคนผิดเต็มประตู แม้เป็นมหันตโทษ เป็นเรื่องที่ทำให้พ่อแม่เสื่อมเสียทุกสิ่งอย่าง ถ้ารู้ดังนี้แล้ว ก็ขออย่าได้สรรหาเรื่องทุกข์ยากมาให้พ่อแม่เลย จะเป็นการแสดงความกตัญญูที่ดีอย่างยิ่ง ส่วนคนเป็นพ่อแม่นั้น อยากให้เข้าใจว่ารากฐานคือสิ่งสำคัญเราคือแม่พิมพ์ที่สร้างลูก ฉะนั้นเราต้องใส่ใจในการเลี้ยงดู อย่าได้ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ หรือปล่อยเลยตามเลย หรือให้ลูกเห็นสิ่งไม่ดีไม่งามจนชิน จนซึมซับกลายเป็นอุปนิสัยประจำตน เพราะมิเช่นนั้นอาจต้องเสียใจไปชั่วชีวิต จะมีแต่เรื่องมาให้อยู่เนือง ๆ ขอเจริญพร