นายกเหล่ากาชาดจังหวัดฉะเชิงเทรา ร่วมเป็นเกียรติในโครงการ “รวมพลคนมีดี”

นางเนตรชนก คำดี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้การต้อนรับอาสายุวกาชาด  จำนวน 113 คนที่เข้ารับการอบรมในโครงการแกนนำ “รวมพลคนมีดี รุ่นที่ 2” ซึ่งสำนักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-25 มีนาคม 2561 ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา

ด้วยในปีงบประมาณ 2561 สำนักงานยุวกาชาด มีนโยบายที่จะขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังเยาวชนชาย–หญิง อายุระหว่าง 15 – 30 ปี ทุกสถานะไม่ว่าจะยังคงสภาพนักเรียน นักศึกษา หรือทำงานแล้วก็ตาม เพื่อให้กลุ่มเยาวชนจิตอาสาเป็นกำลังสำคัญของสภากาชาดไทยในระดับเยาวชนให้มีจิตอาสาพึ่งพาได้ อีกทั้ง ที่ผ่านมาฝ่ายส่งเสริมอาสายุวกาชาดได้ดำเนินการจัดอบรมอาสายุวกาชาด หลักสูตรพื้นฐานยุวกาชาด  เพื่อสร้างเครือข่ายอาสายุวกาชาด และเสริมสร้างความรู้หลักการ อุดมการณ์ของกาชาด ภารกิจแก่นหลัก

สภากาชาดไทย ซึ่งกลุ่มเป้าหมายเป็นอาสายุวกาชาดจากหน่วยงานสังกัดอุดมศึกษา อาชีวศึกษา ห้างร้านเอกชน รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ  และเยาวชนทั่วไป
(Walk In) โดยส่งเสริมผู้ร่วมอุดมการณ์ ในการทำงานเป็นทีม จึงจำเป็นต้องอาศัยอาสายุวกาชาด ที่มีภาวะความเป็นผู้นำของกลุ่มเยาวชน  มาทำหน้าที่เป็นแกนนำอาสายุวกาชาด ซึ่งมีศักยภาพ ความสามารถ ทักษะในด้านต่างๆ ให้เกิดการรวมกลุ่มเยาวชนจิตอาสา  ซึ่งมีทัศนคติและมุมมองในการวางแผนร่วมกันอยู่ภายใต้สังกัดชมรมส่วนกลางของสำนักงานยุวกาชาด เพื่อทำให้เกิดการคล่องตัวในการขับเคลื่อนทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ต่างๆ ให้แก่สังคม และชุมชน ตามยุทธศาสตร์ที่ 4 การพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน และยุทธศาสตร์ที่ 5 การพัฒนาระบบอาสาสมัครแบบบูรณาการ สอดคล้องกับแบรนด์ของสำนักงานยุวกาชาดที่ว่า “Smart Strong Samart   (+พึ่งพาได้)” เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม ชุมชนอย่างกว้างขวางในการสร้างแกนนำอาสายุวกาชาดในครั้งนี้ สำนักงานยุวกาชาดคาดหวังว่า จะมีอาสายุวกาชาดที่มีความรู้  ความเข้าใจ มีทักษะความเป็นผู้นำในการดำเนินกิจกรรม  มีทัศนคติที่ดี โดยใช้รูปแบบและกระบวนการของยุวกาชาดเป็นไปตามมาตรฐานของสำนักงานยุวกาชาด สามารถทำหน้าที่ในฐานะเป็นแกนนำอาสายุวกาชาดของสำนักงานยุวกาชาด ไปเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์กิจกรรมกาชาด และยุวกาชาด พร้อมที่จะทำงานสานต่ออุดมการณ์ของผู้ให้ และเป็นกำลังสำคัญให้แก่สภากาชาดไทย เป็นที่พึ่งพา ช่วยเหลือประชาชน ผู้ด้อยโอกาส ในสังคมและชุมชนต่อไป