จิตอาสากว่า 1500 คนรวมพลังจิตอาสา เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ

กองทัพเรือ โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ จัดกิจกรรมจิตอาสาตามโครงการกองทัพเรือรวมพลังจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ กลุ่มผู้นำศาสนา กลุ่มผู้นำชุมชนและประชาชนจิตอาสาทุกศาสนาในชุมชนพื้นที่ 7 ตำบล ของอำเภอเมืองจังหวัดนราธิวาส กว่า 1,500 คน

เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ 22 มี.ค.61 พลเรือโท ชุมศักดิ์ นาควิจิตร ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 ผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมจิตอาสาตามโครงการกองทัพเรือรวมพลังจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ กลุ่มผู้นำศาสนา กลุ่มผู้นำชุมชนและประชาชนจิตอาสาทุกศาสนาในชุมชนพื้นที่ 7 ตำบล 63 หมู่บ้าน ของอำเภอเมืองจังหวัดนราธิวาส กว่า 1,500 คน เพื่อพัฒนาพื้นที่โครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงและฟาร์มตัวอย่างอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ และบริเวณโดยรอบ บ้านรอตันบาตู ตำบลกะลุวอ อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส

หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันเกิดจากพระราชหฤทัย ห่วงใยและพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ต่อพสกนิกรของพระองค์ที่ทุกข์ยากเดือดร้อนทั้งด้วยความยากลำบากในการทำมาหา กิน ความยากลำบากในที่อยู่อาศัย ความทุกข์อันเกิดจากการกระทำย่ำยีของผู้อื่นโดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดน ภาคใต้ กระทั่งความทุกข์ยากอันเกิดจากภัยพิบัติต่างๆ กระทั่งภัยธรรมชาติ พระมหากรุณาธิคุณที่ยั่งยืน คือการพระราชทานเครื่องมือในการดำรงชีวิตที่ราษฎรผู้เดือดร้อนสามารถน้อมนำไปปรับประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต ทั้งด้านประกอบอาชีพ ด้านความเป็นอยู่คือการพระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริอันเหมาะสมต่อท้องถิ่นทั้งประเทศ ประชาชนคนไทยที่ประสบทุกข์เดือดร้อนเฉพาะหน้า เช่น ประสบภัยธรรมชาติก็พระราชทานพระเมตตาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะยากดีมีจนอยู่ ณ แห่งหนตำบลใดของประเทศ พระเมตตาก็แผ่ไพศาลไปถึง โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่พระราชทานไว้ในแทบทุกพื้นที่ในจังหวัดต่างๆ หลายแห่งต่อเนื่องกันมา ดังตัวอย่างเช่น โครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงและฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ตั้งอยู่พื้นที่บ้านรอตันบาตูหมู่ที่ 7 ต.กะลุวอ อ.เมือง จ.นราธิวาส

โดยเมื่อวันที่ 6 ก.ย.2547 พล.อ.ณพล บุญทับ รองสมุหราชองครักษ์ ได้อัญเชิญพระราชเสาวนีย์ของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แจ้งให้หน่วยงานราชการต่างๆ ร่วมกันดำเนินการช่วยเหลือครอบครัวเจ้าหน้าที่และประชาชนที่ประสบเคราะห์กรรมจากการกระทำของผู้ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (นราธิวาส-ยะลา-ปัตตานี) โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงและฟาร์มตัวอย่างฯ ที่บ้านรอตัน

บาตู หมู่ที่ 7 ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พื้นที่จำนวน 632 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินที่พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดซื้อ เดิมพื้นที่โครงการเป็นที่นาติดแม่น้ำบางนรา เกษตรกรใช้พื้นที่บางส่วนทำนาปีละครั้งอาศัยน้ำฝนได้ผลไม่แน่นอน บางส่วนเป็นทุ่งหญ้าชาวบ้านใช้เลี้ยงปศุสัตว์และปล่อยทิ้งร้าง พื้นที่ดังกล่าวทำการสำรวจโดยศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สรุปว่าดินส่วนใหญ่เป็นดินเหนียวทรายแป้ง กรมชลประทานเป็นหน่วยงานหลักที่สนองพระมหากรุณาธิคุณ ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการออกแบบจำลองผังหมู่บ้าน เศรษฐกิจพอเพียงและฟาร์มตัวอย่างฯ ปรับพื้นที่ทางเข้าและทางลำเลียงภายในโครงการฯ ตลอดจนจัดหาแหล่งน้ำให้ เพื่อการเกษตร ปัจจุบันโครงการฯสามารถช่วยเหลือครอบครัวที่เดือดร้อนอันเกิดจากการก่อความไม่สงบที่ขอเข้าเป็นสมาชิกหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง โดยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินี้ตามกลุ่มเป้าหมาย 150 หลังคาเรือน มีบ้าน มีพื้นที่ทำกินพร้อมทั้งปัจจัยการดำรงชีวิตตั้งแต่แหล่งน้ำไปจนถึงพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ทำให้ครอบครัวดังกล่าวมี อาชีพ มีรายได้ มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งด้านร่างกายและจิตใจดีขึ้น รวมทั้งสามารถสร้างหลักประกันความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สิน อันอาจกล่าวได้ว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณผู้เสียสละชีวิตในการปกป้องผืนแผ่นดินไทย “สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ทรงต้องการให้ครอบครัวผู้ประสบภัยอันเกิดจากการ ก่อความไม่สงบจนหัวหน้าครอบครัวเสียชีวิตและไม่อาจอยู่ในพื้นที่เดิมได้ ให้มาอยู่ได้ในโครงการฯนี้ รวมเป็นชุมชนมีทั้ง ที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน เบื้องต้นพระราชทานปัจจัยในการดำรงชีวิต เพื่อให้สามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ช่วยเหลือตัวเองได้จากการค่อยให้การสนับสนุนและคอยเกื้อกูลเอาใจใส่จากภาครัฐ ที่ร่วมดำเนินการเพื่อเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศลและสนองพระราชปณิธานที่ทรงต้องการให้ราษฎรของพระองค์ อยู่เย็นเป็นสุขอย่างยั่งยืนโดยวิถีแห่งความพออยู่พอกิน”