“สร้างครูที่มีคุณภาพและเป็นนักพัฒนาชุมชน ต้องเป็นครูต้นแบบในการผลิตครูตามความต้องการของพื้นที่ โดยเฉพาะความมีจิตวิญญาณในการสอน ให้การศึกษาให้ความรู้ พร้อมทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและชุมชนท้องถิ่น” นี่คืออัตลักษณ์ของ “ครูรักษ์ถิ่น’
เมื่อกล่าวถึง โรงเรียนในพื้นที่กันดาร ห่างไกล ตามแนวชายขอบ จะมีตำแหน่งว่าง หากเมื่อมีครูไปบรรจุที่นั่น เมื่ออยู่ครบเวลาก็จะมีการย้ายเพื่อกลับภูมิลำเนาของตน ทำให้โรงเรียนในถิ่นทุรกันดารจะมีสภาพขาดครู อยู่เสมอๆ จนกว่าจะมีครูมาบรรจุใหม่ วนเวียนเป็นวัฏจักร ทำให้การเรียนการสอนขาดความต่อเนื่อง และนำไปสู่การขาดโอกาสทางการศึกษา สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยิ่งส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
จากการที่จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับให้เป็นจังหวัดนำร่อง ของโครงการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) โดยเฉพาะครูที่สอนระดับอนุบาลและประถมศึกษากองทุน เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรีได้ร่วมมือกับสถาบันต่างๆในการจัดสรรทุน ให้แก่นักเรียนจากครอบครัวที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาสที่มีฐานะยากจนแต่เรียนดี มีจิตวิญญาณของความเป็นครู และมีภูมิลำเนาในตำบลที่โรงเรียนในถิ่นทุรกันดารที่ขาดแคลนครู ให้ได้เรียนครูจนจบปริญญาตรีตามหลักสูตรอย่างมีคุณภาพ และได้รับการบรรจุเป็นครูในโรงเรียนตามนักศึกษามีภูมิลำเนาอยู่ เพื่อลดการย้ายออกนอกพื้นที่ อาชีพครูเป็นอาชีพที่มีเกียรติ ต้องเป็นครูด้วยใจตั้งมั่น มีสมรรถนะของการเป็นนักพัฒนาชุมชน มีจิตวิญญาณของความเป็นผู้ให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การให้ความรู้การศึกษา ให้แนวทางความรู้ด้านการดำรงชีพอย่างมีคุณภาพ พึ่งพาตนเองได้ เป็นแนวทางในการสานต่อแก่เด็กและเยาวชนของชาติในรุ่นต่อๆไป กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และหน่วยงานต่างๆ ต้องร่วมมือผลักดัน เพื่อสร้างครูรักษ์ถิ่นให้เพียงพอกับความต้องการและเหมาะสม สอดคล้องกับวิถีชีวิตสังคมไทยในปัจจุบัน.
วารุณี สุวรรณจิตต์/เรียบเรียง