สุพรรณบุรี  ไฟไหม้วอด 3 หลัง  เจ้าของบ้านหลังที่ 3 วิ่งหนีเอาชีวิตรอดออกมาได้ ก่อนถูกคลอก




เมื่อเวลา 11.30 น.  วันที่ 29 มิ.ย.  ร.ต.ท. ศรัณญ์  วิทยาธรลิขิต รอง สว.(สอบสวน)  สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน บริเวณข้างวัดวัดราษฎร์สามัคคี หมู่ 3 ต.ทับตีเหล็ก จึงได้ประสานรถดับเพลิงจากเทศบาลเมือง อบต.ทับตีเหล็ก เทศบาลท่าระหัด เทศบาลรั้วใหญ่ และเทศบาลสวนแตง จำนวน 10 คัน พร้อมสมาคมเณรแก้วกู้ภัยทางหลวง  รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เมื่อถึงที่เกิดเหตุ พบไฟกำลังไหม้บ้านที่อยู่ติดกันถึง 3 หลัง จนท.ดับเพลิง จึงได้ระดมกำลังใช้น้ำฉีดควบคุมเพลิงซึ่งเป็นบ้านไม้ 2 ชั้นโดยเพลิงได้ลุกไหม้เสียหายทั้งหลัง และเริ่มลุกลามไปยังบ้านที่ติดกันอีกสองหลัง ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด

จากการสอบถาม นายสมคิด แย้มมาก  อายุ 55 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป อยู่บ้านเลขที่ 154 หมู่ 3 ต.ทับตีเหล็ก อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เจ้าของบ้านหลังที่ถูกไฟไหม้ เล่าว่า ตนอาศัยอยู่บ้านเพียงคนเดียว และบ้านที่ถูกไหม้อีกหนึ่งหลังก็เป็นบ้านของพี่สาว โดยพี่สาวได้ไปเยี่ยมลูกชายที่กำลังบวชพระอยู่วัดใกล้เคียงจึงไม่มีใครอยู่บ้าน เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.  ได้ยินคล้ายเสียงเหมือนไฟฟ้าช็อตดังขึ้น 1 ครั้ง ก็ไม่ได้สนใจอะไร ก่อนออกไปซื้อกับข้าวหน้าปากซอย จู่ๆเพื่อนที่นั่งคุยกันอยู่ชี้ให้ดูควันไฟที่กำลังพวยพุ่งบริเวณแถวบ้านของตน จึงรีบขี่ รถ จยย. กลับมาดูก็พบไฟกำลังลุกไหม้บ้านของตนทั้งหลังอย่างรวดเร็ว รู้สึกตกใจและเสียใจมากเพราะสิ่งของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน รวมถึงรถ จยย. ถูกไฟไหม้เสียหายหมดทุกอย่าง หลังจากโทรแจ้งพี่สาวกลับมาก็เป็นลมล้มทั้งยืนเมื่อเห็นบ้านของตนและของตัวเองถูกไฟไหม้

ด้าน นายอรรถ พูลทรัพย์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 138/1 หมู่ 3 ต.ทับตีเหล็ก อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เจ้าของบ้านที่ถูกไฟไหม้ หลังที่ 3 เล่าว่า บ้านของตนเองเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น อยู่ติดกับบ้านนายสมคิด แย้มมาก  ก่อนเกิดเหตุตนกำลังจะอาบน้ำเตรียมตัวจะไปทำงานช่วงบ่าย ได้กลิ่นควันไฟ เหมือนมีอะไรไหม้ มาจากบ้านข้างๆ ก็ไม่ได้เอะใจเพราะบ้านข้างๆเวลาจะทำกับข้าวจะใช้ฟืนมาหุงทำอาหารแทนการใช้เตาแก๊ส  แต่ระหว่างนั้นเห็นควันไฟลุก รู้สึกตกใจ จึงวิ่งออกมาดูก็พบว่าไฟกำลังลามลุกไหม้บ้านนายสมคิด อย่างรวดเร็วและลามมาติดกับบ้านของตน  รถ จยย. ทรัพย์สินมีค่าเสียหายแทบทั้งหมด หยิบมาได้แค่โทรศัพท์เพียงเครื่องเดียว

ส่วนสาเหตุของไฟไหม้เบื้องต้นคาดว่าน่าจะมาจากไฟฟ้าลัดวงจร อย่างไรก็ตามต้องรอเจ้าหน้าที่มาตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้งก่อนดำเนินขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป