การเป็นเจ้าอาวาสไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นเจ้าอาวาสที่ดีนี่สิ ยากกว่า หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้กล่าวในที่ประชุม พระสงฆ์และเจ้าหน้าที่วัดไผ่ล้อม ให้ยึดถือปฎิบัติว่า พวกเรานั้นควร “อยู่ให้วัดอาศัย มิใช่ไปอาศัยวัดอยู่” แม้แต่ตนที่เป็นเจ้าอาวาวาสวัดไผ่ล้อม ยังพร้อมที่จะทำงานทุกอย่าง ในทุกด้าน การบูรณะปฎิสังขร พัฒนาดูแลวัด รับใช้พระศาสนาไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
หลวงพี่น้ำฝนกล่าวต่อว่า ตนเป็นเจ้าอาวาสก็ต้องทำหน้าที่ไม่ต่างจากพระลูกวัดหรือเจ้าหน้าที่วัด ต้องรู้จักเสียสละทำตัวอย่างให้พระลูกวัดและเด็กวัดได้เห็นเป็นแบบอย่าง เพราะการปฎิบัติกระทำให้เห็นด้วยตา ดีกว่าการกระทำด้วยปาก โดยให้ยึดหลักธรรมนี้ไว้ด้วย การขยัน ซื่อสัตย์ อดทน รู้บุญคุณ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ควรตอบแทน ที่ๆให้เราพักพิง ให้เรามีงานทำ ให้เรามีกิน แม้นอยู่วัดเมื่อพบเห็นสิ่งใดที่สกปรก เลอะเทอะ ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยก็ต้องรู้จักหยิบจับ เก็บกวาด เช็ดถู ญาติโยมมาวัดก็ต้องดูแลอำนวยความสะดวกให้ญาติโยม ไม่ว่าการที่ญาติโยมมาทำบุญไหว้พระ สักการะ พระพุทธเมตตาประทานพร ปางหนึ่งเดียวในโลก ที่ประดิษฐานในวิหารทองคำวัดไผ่ล้อม หรือแม้แต่การมากราบขอพรสรีระสังขาล “พระมงคลสิทธิการ” “หลวงพ่อพูล อตฺตรกฺโข” อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม พระผู้ปฎิบัติดี พระผู้มีเมตตา และกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต่างๆที่อยู่ในวัดไผ่ล้อม พระสงฆ์และเจ้าหน้าที่วัดไผ่ล้อม ต้องทำตัวให้เป็นเจ้าบ้านที่ดี การเป็นเจ้าอาวาสวัดนั้นต้องปฎิบัติ ศาสนกิจ ในทุกด้าน ทั้งงานของคณะสงฆ์ ในด้านเผยแผ่พระพุทธศาสนา ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านการศึกษา และชุมชน ดังคำที่ว่า “บวร” คือ บ้าน วัด โรงเรียน ซึ่งจะทำให้สังคมมีความสงบสุข ซึ่งวัดเป็นที่ให้ญาติโยมเข้ามาแล้ว สงบสุข สบายตา สบายใจ ดังนั้นคำที่ว่า “อยู่ให้วัดอาศัย มิใช่ไปอาศัยวัดอยู่” แล้วไม่สร้างสิ่งที่ดีให้กับวัดโดยไม่รู้จัก ความกตัญญู ต่อญาติโยมมาทำบุญ ซึ่งถือเป็นการไม่กตัญญูเช่นกันหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้กล่าวไว้