วันนี้(20 พ.ย.62) ที่ห้องประชุมขุนแผน ศาลากลางจังหวัดสุพรรณบุรี นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล ปลัดจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวขณะเป็นประธานการประชุม แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อการขยายเขตพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จังหวัดสุพรรณบุรี ว่า
จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศไทย เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน มีความโดดเด่นทรัพยากรการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและธรรมชาติ อีกทั้งเป็นเมืองที่พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก สามารถดินทางไปตามแหล่งท่องเที่ยวที่กระจายอยู่ในทั้ง 10อำเภอ ทั่วทั้งจังหวัดได้อย่างสะดวก มีแนวคิดในการแบ่งกลุ่มพื้นที่เพื่อสร้างอัตลักษณ์ในการท่องเที่ยวแบ่งเป็น 4 กลุ่มพื้นที่ คือ กลุ่มพื้นที่ท่องเที่ยวตามรอยวรรณกรรม/กลุ่มพื้นที่ท่องเที่ยววิถีไทย วิถีธรรม (วิถีเกษตรกรรม วิถีธรรม สายน้ำแห่งชีวิต)/กลุ่มพื้นที่ท่องเที่ยวอู่อารยธรรมและประวัติศาสตร์/กลุ่มพื้นที่ท่องเที่ยวธรรมชาติและนันทนาการ แต่ขอฝากผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ต้องร่วมบูรณาการอย่างจริงจัง โดยต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการจัดการขยะ ที่สำคัญคือ ผลกระทบทางสังคม ที่อาจเกิดการขัดแย้งในชุมชน และต้องไม่ลืมเรื่องของเกษตรอินทรีย์และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับชุมชนโดยตรง
ด้าน ดร. สมจิตต์ ชาญกระบี่ ผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษ 7 กล่าวว่าขณะนี้ อพท.7 ได้จัดทำข้อมูลดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นและต้องทำไปพร้อมๆกันทั้ง 10 อำเภอ ซึ่งถือว่าเป็นการขยายเขตพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยว ให้สามารถเป็นพื้นที่ต้นแบบทางการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในหลากหลายมิติ ทั้งด้านประวัติศาสตร์ พุทธศาสนา วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวิถีชีวิต หากสุพรรณบุรี ได้รับการขยายขอบเขตเป็นพื้นที่พิเศษทั้งจังหวัด จะสามารถยกระดับเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางเลือกที่น่าสนใจ อีกทั้งแหล่งปลูกสร้างเพื่อการท่องเที่ยวกระจายอยู่ในทุกอำเภอ ทำให้สามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดูกาลตลอดทั้งปี
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาดังกล่าว ต้องอาศัยความเข้มแข็งและความพร้อมของชุมชน ตลอดจนบูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยว ซึ่งจะก่อให้เกิดความยั่งยืนตลอดไป