นายแพทย์สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดราชบุรี กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนนี้หลายพื้นมีฝนตกอย่างต่อเนื่องประกอบกับในบางพื้นที่ยังคงมีน้ำท่วมขัง จึงขอให้ประชาชน ใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะ เนื่องจากฝนที่ตกลงมาจะทำให้ถนนเปียกลื่น และทำให้ทัศนวิสัย ในการมองเห็นไม่ดี ประกอบกับถนนบางจุดมีน้ำท่วมขังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้มากกว่าปกติ ขอแนะนำให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติ 7 วิธี ดังนี้ 1.เปิดไฟหน้ารถเสมอ โดยเปิดไฟต่ำเพื่อช่วยให้มองเห็นสิ่งต่างๆบนถนนได้ชัดเจนขึ้น และให้รถคันอื่นมองเห็นรถได้จากระยะไกล 2.เปิดใบปัดน้ำฝนโดยปรับระดับความเร็วของใบปัดน้ำฝนให้สัมพันธ์กับความแรงและปริมาณฝน 3.ลดความเร็วเพื่อเพิ่มความระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ 4.ให้ทิ้งระยะห่างจากคันหน้า เพราะสภาพถนนที่เปียกลื่นต้องใช้ระยะทางในการหยุดรถเพิ่มขึ้น 5.หลีกเลี่ยงการแซง แต่หากจำเป็นต้องประเมินสถานการณ์ ระยะทางข้างหน้าทั้งความเร็วและระยะห่างของรถที่กำลังวิ่งตามกันในช่องจราจรซ้ายขวา 6.หากรถลื่นไถลหรือเหินน้ำ ห้ามเหยียบเบรกจนล้อหยุดหมุนในทันทีเพราะอาจทำให้รถพลิกคว่ำได้ ให้ลดความเร็วใช้เกียร์ต่ำ จนกว่ารถจะทรงตัวได้แล้วจึงค่อยเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ และ 7.เมื่อต้องขับรถผ่านน้ำท่วมขัง ให้หยุดประเมินสถานการณ์ หากระดับน้ำลึกสูงกว่าขอบประตูรถไม่ควรขับฝ่าไป ควรเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น ทั้งนี้หากพบเห็นผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ขอให้โทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพทันที โทร 1669
นอกจากนี้ ในพื้นที่ที่น้ำท่วมขัง ประชาชนที่เดินลุยน้ำอาจเกิดอุบัติเหตุจากการเดินไปชนหรือเหยียบของมีคมต่างๆ ทำให้เกิดบาดแผลและเกิดโรคตามมา เช่น แผลติดเชื้อ น้ำกัดเท้า โรคไข้ฉี่หนู เป็นต้น ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำท่วม แต่หากจำเป็นควรใส่รองเท้าบู๊ท และหลังการเดินลุยน้ำทุกครั้ง ต้องล้างเท้าให้สะอาด ด้วยน้ำและสบู่ให้ทั่ว ใช้ผ้าสะอาดเช็ดให้แห้ง โดยเฉพาะตามซอกนิ้วเท้า หากมีบาดแผล ให้ใช้แอลกอฮอล์เช็ดรอบบาดแผลแล้วใส่ยาฆ่าเชื้อ อย่างไรก็ตามหากหารองเท้าบู๊ทไม่ได้ ให้ใช้ถุงพลาสติกดำ มาประยุกต์ใช้ทำรองเท้ากันน้ำชั่วคราว แล้วสวมรองเท้าปกติ หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดราชบุรี เบอร์ติดต่อ 032310804 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422