อำเภอหนองหญ้าไซ เป็นอำเภอที่แห้งแล้งที่สุดของจังหวัดสุพรรณบุรี จนได้รับฉายาว่าอีสานตะวันตก เกษตรกรจึงได้มีการปรับเปลี่ยนหันไปปลูกพืชอย่างอื่นที่ใช้น้ำน้อย ทดแทนการปลูกข้าวซึ่งใช้น้ำมาก ตามนโยบายของรัฐบาล จนประสบความสำเร็จ พร้อมโชว์วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิตแบบดั้งเดิม“เกษตร เมล่อน และโคขุน” หนองหญ้าไซใหญ่เบ้อเล่อ แต่จะดำเนินการได้อย่างไรนั้นติดตามได้จากรายงานค่ะ/ครับ …..
เทป…
ปัจจุบันการท่องเที่ยวถือเป็นตัวหลักของรายได้ในการกระจายไปสู่พื้นที่ของท้องถิ่นต่างๆ ว่าที่ร้อยตรี ธีรพล โชคนำชัย นายอำเภอหนองหญ้าไซ เล่าว่า อำเภอหนองหญ้าไซ เห็นความสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของหมู่บ้าน ชุมชน จึงมีแนวคิดในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ควบคู่กับการักษาแหล่งท่องเที่ยวเดิม เน้นการเสริมสร้างความยั่งยืน โดยนำวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของแต่ล่ะท้องถิ่น และแต่ล่ะตำบลร่วมกับหน่วยงานราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตอำเภอ ร่วมแสดงวัฒนธรรมประเพณีและออกร้านค้า เพื่อนำภูมิปัญญาท้องถิ่นของตนออกมาเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักแก่พี่น้องประชาชนทั่วไป
ทางอำเภอหนองหญ้าไซ จึงได้กำหนดจัดงานประจำปีหนองหญ้าไซขึ้น เพื่อเป็นการแสดงวัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ในระหว่างวันที่ 15-24 กุมพาพันธ์ ภายใต้ชื่อ “เกษตร เมล่อน และโคขุน” ครั้งที่ 1 หนองหญ้าไซใหญ่เบ้อเร่อ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ ผลิตผลทางการเกษตรต่างๆในพื้นที่ ที่สำคัญได้แก่ เมล่อนที่ขึ้นชื่อ พืชผัก ผลไม้ ผลิตภัณฑ์ทางเกษตรอินทรีย์ ปลอดสารพิษ แหล่งเรียนรู้ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และ สินค้า OTOP ต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความรักความสามัคคีของพี่น้องชาวหนองหญ้าไซอีกด้วย โดยภายในงานได้มีการจัดแสดงวงดนตรีร้องเพลง และลานไม้ไผ่ เชื่อมทางเดินต่อไปยังลูกเมล่อนยักษ์ ที่ทางอำเภอหนองหญ้าไซได้จัดสร้างขึ้น เพื่อให้ประชาชนที่มาร่วมงานได้ถ่ายภาพเซลฟี่เป็นที่ระลึกอีกด้วย
ซึ่งก่อนหน้านี้ อำเภอหนองหญ้าไซเป็นอำเภอที่แห้งแล้งที่สุดของจังหวัดสุพรรณบุรี จนได้รับฉายาว่าอีสานตะวันตก เกษตรกรจึงได้มีการปรับเปลี่ยนหันไปปลูกพืชอย่างอื่นที่ใช้น้ำน้อย ทดแทนการปลูกข้าวซึ่งใช้น้ำมาก ตามนโยบายของรัฐบาล โดยใช้เวลา 12 ปีในการพัฒนาเมล่อน จนปัจจุบันอำเภอหนองหญ้าไซเป็นอำเภอที่ปลูกเมล่อนมากที่สุดของประเทศไทย และเป็นเมล่อนที่ส่งออกไปต่างประเทศ ภายหลังภารเปิดงานเกษตรเมล่อนและโคขุน ทำให้ชาวสุพรรณบุรี เริ่มรู้แล้วว่า เมล่อนที่วางจำหน่ายที่อำเภอเมือง เป็นเมล่อนที่มาจาก หนองหญ้าไซ เนื่องจากทำเป็น Packaging เดียวกัน นั่นคือศูนย์ขายส่งอยู่ที่หนองหญ้าไซ การไปซื้อที่อำเภอเมืองจึงอาจทำให้ได้เมล่อนในราคาที่แพงกว่า มีผู้สอบถาม ว่าทำไมเมล่อนจึงเป็นของเด่นของหนองหญ้าไซ ซึ่งตอบได้ว่า หนองหญ้าไซ มีพื้นที่ปลูกเมล่อนมากที่สุดในประเทศไทยและที่สำคัญ รสชาติ หอม หวาน มัน ที่สุดเช่นกัน ซึ่งเกษตรกรของหนองหญ้าไซสามารถควบคุมการผลิตให้ผลิตเมล่อนได้ตลอดทั้งปี
ปัจจุบัน หญ้าไซเป็นเมืองน่าอยู่ เมืองเกษตรกรรม ถนนหนทางและสาธารณูปโภคครบครัน แต่ยังคงความเป็นชนบทที่ท่านสามารถมาใช้ชีวิตสบายๆ หลีกเลี่ยงความแออัดในเมือง เจ็บป่วยมีโรงพยาบาลรักษาดูแลอย่างดี ผู้คนที่นี่มีอัธยาศัยไมตรีที่ดีและเผื่อแผ่มีน้ำใจ ที่สำคัญที่นี่ไม่มีปัญหาอาชญากรรม เปลี่ยนฉายาจากอีสานตะวันตก เป็นหนองหญ้าไซใหญ่เบ้อเร่อ